ยิ่งใหญ่สมการรอคอย Mido อวดโฉมเรือนเวลาหรูรุ่นใหม่จาก 7 คอลเลกชั่นไอคอนิกประจำปี ที่เหล่านักสะสมไม่ควรพลาด! ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานอย่างเหนือชั้น พร้อมดีไซน์สำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ให้ทุกสไตล์ถูกเติมเต็มด้วยนาฬิกาเรือนโปรด
Mido จัดงานยิ่งใหญ่เปิดตัวรุ่นใหม่จาก 7 คอลเล็กชั่น
Mido แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือ เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) นำโดย ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ Mido ประเทศไทย อวดโฉมเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเลกชั่นน่าสะสมแห่งปี 2023 เพื่อให้แฟนๆ ชาวไทยที่กำลังมองหาเรือนเวลาที่มีคุณภาพและความคุ้มค่าได้สัมผัสกันตลอดทั้งปีนี้
อนัน อันวา, ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม | อนัน อันวา, อจิรภา ไมซิงเกอร์ |
โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ | อนุสิทธิ แสงนิ่มนวล |
โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์, อลิสา ขุนแขวง | อลิสา ขุนแขวง, โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ |
อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ |
สำหรับคอลเล็กชั่นใหม่ของปี 2023 มีเรือนไฮไลท์อย่าง
- Multifort M Chronometer (มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์) เรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวสำหรับหนุ่มนักกิจกรรม รวมถึง
- Multifort M (มัลติฟอร์ท เอ็ม),
- Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition (โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น),
- Baroncelli Chronograph Moonphase (บารอนเชลลี โครโนกราฟ มูนเฟส),
- Multifort Powerwind (มัลติฟอร์ท พาวเวอร์ไวด์) รวมถึงนาฬิกาสำหรับผู้หญิงอย่าง
- Ocean Star Nerea (โอเชียน สตาร์ นีเรีย) และ
- Commander Lady (คอมมานเดอร์ เลดี้)
Mido แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ Georges Schaeren (จอร์จ แชแรน) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน
สำหรับรุ่นไฮไลท์ Multifort M Chronometer นับเป็นเรือนเวลาชิ้นเยี่ยมที่สามารถการันตีถึงฝีมือของช่างทำนาฬิกาของ Mido ได้เป็นอย่างดี ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Official Swiss Chronometer Testing Institute หรือ COSC)
ตัวเรือนถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก อัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อม Silicon Balance Spring (ซิลิคอน บาลานซ์สปริง) ที่มีคุณสมบัติด้านความแม่นยำทนทานต่อสนามแม่เหล็ก โดยมีการสลักคำว่า ‘Chronometer’ บนหน้าปัด
เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความแม่นยำที่เกินกว่าค่ามาตรฐาน โดยมาพร้อมกับรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและดุดัน ด้วยตัวเรือนและสายจากสแตนเลสสตีลที่มีความทนทานเป็นพิเศษ มาพร้อมหน้าปัดทรงกลมสีเขียวที่มีการไล่ระดับสีเขียวบริเวณตรงกลางกระจายออกไปด้านข้างกระทั่งกลายเป็นสีดำบริเวณรอบหน้าปัด และเทคนิคการขัดลายซาตินในแนวตั้งอย่างประณีต
อีกทั้งยังเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® (ซูเปอร์-ลูมิโนวา) สีเบจที่ตัวเข็มนาฬิกาและบริเวณอินเด็กซ์โดยรอบเพื่อช่วยให้อ่านค่าเวลาได้อย่างแม่นยำเมื่อตัดกับพื้นหลังสีเข้ม พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน และมีช่องระบุวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา รวมถึงดีไซน์ฝาหลังแบบเปลือยที่สามารถมองเห็นกลไกการขับเคลื่อนของนาฬิกาได้อย่างงดงาม โดย Multifort M Chronometer สามารถกันน้ำลึกในระดับ 100 เมตร
รุ่น Multifort M ที่สุดแห่งพละกำลังที่ Mido ได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความทันสมัยด้วยการเผยโฉมเรือนเวลาหน้าปัดขัดซาตินแนวตั้งพร้อมพื้นผิวไล่ระดับจากสีน้ำเงินไปจนถึงสีดำ มาพร้อมพรายน้ำเรืองแสงสีเขียวอมฟ้า และมีช่องแสดงวันและวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ประกอบกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่มีการป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้านช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นได้ถูกจับคู่มาอย่างชาญฉลาดกับกลไกที่ทนทานและทันสมัย ด้วยระบบการขับเคลื่อน Caliber 80 (คาลิเบอร์ 80) ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริง Nivachron™ (นิวาครอง) สัญลักษณ์แห่งความทนทาน จึงส่งผลใหม่ Multifort M เป็นเรือนเวลาที่สมบูรณ์แบบและเหมาะกับทุกสถานการณ์
ต่อมาที่ Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition นาฬิกาดำน้ำที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เด่นของหน้าปัดแบบดั้งเดิม ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง ที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อทุกสภาวะด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาที่แข็งแรงทนทาน บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ ‘Mido’ แบบดั้งเดิม
โดยนาฬิกาเรือนนี้จะแสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร และเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova®
โดยมีการอ่านค่าวันที่อยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ในรูปทรงกล่องแก้ว พร้อมสายถักสแตนเลสสตีลและสายสีน้ำเงินที่ผลิตจากยางสำหรับเปลี่ยน ประกอบกับกลไกอัตโนมัติที่มาพร้อมฟังก์ชัน GMT อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริง Nivachron™ ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม และสามารถกันน้ำได้ในระดับสูงสุดถึง 200 เมตร
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งรุ่นดีไซน์พิเศษที่มีตารางดีคอมเพรสชั่น สเกล (Decompression Scale) ไล่ระดับสีจากสีเหลืองไปสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของ Mido บนผิวหน้าปัดสีดำที่มาพร้อมวงแหวนอะลูมิเนียมและสายยางที่เข้าคู่กัน
สำหรับ Baroncelli Chronograph Moonphase เรือนเวลาที่มาพร้อมความสง่างามสุดคลาสสิกในขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร พร้อมฟังก์ชันโครโนกราฟ มูนเฟส จากเครื่องคาลิเบอร์ A05.221 (Caliber A05.221) ที่สำรองพลังงานสูงสุดได้ 60 ชั่วโมง
ในฝาหลังแบบเปลือย และบาลานซ์สปริง Nivachron™ ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทก ที่มาใน 2 ดีไซน์บนตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงา หน้าปัดซันเรย์ขัดซาตินสีน้ำเงิน ที่เข้าคู่กับสายยางสีน้ำเงิน และตัวเรือนเคลือบ PVD สีโรสโกล์ด จับคู่มากับสายยางสีดำ พร้อมครอบกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนแบบสองชั้นสองด้าน
คอลเลกชั่นต่อมา Multifort Powerwind จากตำนานความวินเทจอันเลื่องชื่อ Mido ได้รังสรรค์การกลับมาของเรือนเวลาสไตล์วินเทจเรือนใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความย้อนยุคเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมผสานกลไก Caliber 80 สำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริง Nivachron™ พร้อมตำแหน่งบอกเวลาที่บริเวณ 6 นาฬิกา
โดยดีไซน์หน้าปัดแบบซันเรย์ขัดซาตินทรงโดม ในขนาด 40 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยตัวเลขอารบิกที่ใช้ในการอ่านค่าเวลาพร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® และอินเด็กซ์ทรงเหลี่ยมเพชร บนตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาสลับซาตินครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ มาพร้อมสายสแตนเลสแบบจูบิลีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ และสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร
ส่วนนาฬิกาสำหรับผู้หญิง Mido ได้เปิดตัวมา 2 คอลเลกชั่นด้วยกัน คือ Ocean Star Nerea นาฬิกาดีไซน์สปอร์ตสำหรับสุภาพสตรีเรือนแรกในคอลเลกชั่น Ocean Star ที่มาพร้อม Caliber 80.611 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง บนขนาดหน้าปัด 36.5 มิลลิเมตร โดยมีตำแหน่งบอกเวลาบริเวณ 6 นาฬิกา ที่มาพร้อมขอบเบเซลทรงโดมแบบหมุนได้ ผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
โดยมีทั้งแบบหน้าปัดสีน้ำเงินและสีดำซันเรย์ขัดซาติน เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® บริเวณเข็ม และตัวเรือนมีทั้งแบบที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลพร้อมสายสแตนเลสสตีล และตัวเรือนแบบ PVD เคลือบโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชรแท้ 11 เม็ด บริเวณอินเด็กซ์ ซึ่งมาพร้อมสายยางลายคลื่นแบบเปลี่ยนได้ง่ายสะท้อนงดงามตามแบบฉบับสุภาพสตรีผู้ชื่นชอบในความโก้หรู พร้อมฟังก์ชั่นหลักจากตระกูล Ocean Star ที่สามารถกันน้ำได้ 200 เมตร
Commander Lady เรือนเวลาสำหรับหญิงสาวที่ชื่นชอบความเฟมินีน ที่มาพร้อมหน้าปัดขนาด 35 มิลลิเมตร พร้อม Caliber 72 ที่สามารถสำรองพลังงานสูงถึง 72 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริง Nivachron™ ด้วยตัวเรือนเหล็กสแตนเลสขัดซาตินและขอบตัวเรือนขัดเงา ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์แบบเหลี่ยมเพชร บนหน้าปัดสีอ่อนซันเรย์แบบทวิสต์ ที่ประดับด้วยอินเด็กซ์แบบขีดหรือแบบเพชร 11 เม็ด
โดยมีอีกหนึ่งดีไซน์พิเศษบนหน้าปัดสีขาวมุก (Mother of Pearl) พร้อมประดับเพชร 11 เม็ด ตัวสายมีทั้งสายเหล็กสแตนเลสอันเป็นเอกลักษณ์และสายหนังสุดคลาสสิก โดยสามารถกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร
พบกับเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ Mido คุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์ www.midowatches.com Facebook: Mido Watches และ LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0200
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline