ผลผลิตที่ 2 จากแบรนด์ Marina Militare Originale หรือ MMO มาแล้ว ถือเป็นนาฬิกาอีกรุ่นที่สวยและลงตัวทั้งแนง่ขนาดและดีไซน์ ซึ่งนั่นทำให้ Aquatosphere คือ อีกเรือนที่ไม่น่าพลาดในการเป็นเจ้าของ และผลิตเพียง 99 เรือน
Marina Militare Originale Aquatosphere ราคาครึ่งหมื่นแต่สเป็กหลายหมื่น
-
ผลผลิตที่ 2 จากโปรเจ็กต์ Marina Militare Originale
-
ตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตรมาพร้อมกับหน้าปัดแบบ Fume
-
ผลิตจำนวน 99 เรือน และราคาในช่วงเปิดรับจอง 5,500 บาท
ตอนที่ในกลุ่ม Facebook อย่าง Homage Thai มีความเคลื่อนไหวระลอก 2 ของแบรนด์อย่าง MMO หรือ Marina Militare Originale ที่มาทั้งภาพและสเป็กโดยที่มีพี่โหน่ง หรือ Nirut Jeenyu เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์นี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคือ กระเป๋าเงินสั่นและพร้อมที่จะลุยทันที และหมายเลข 20 ก็ถูกล็อกเอาไว้เรียบร้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นเจ้าของหมายเลขนี้ในโปรเจ็กต์แรก
อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็มา (ตามสไตล์นาฬิกา Homage ของโปรเจ็กต์นี้) และต้องบอกเลยว่า เมื่อ MMO โปรเจ็กต์ 2 ที่มีชื่อรุ่นว่า Aquatosphere เดินทางมาถึงมือผม นี่คือความคุ้มค่าสำหรับการรอคอยจริงๆ
อย่างที่บอก MMO Aquatosphereเป็นผลงานที่ 2 ของแบรนด์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้คือ Comsubin ที่เราเคย Review กันมาแล้ว และจากภาพที่เห็นในตอนแรก สารภาพเลยว่า หลงรักตั้งแต่แรกเห็น และถ้าคุณเป็นขาประจำของ Nirut Jeenyu มาโดยตลอดก็จะพบว่า นาฬิกาทุกรุ่นที่ถูกผลิตออกมาสู่ตลาดนั้น มีความคุ้มค่าระหว่างสเป็กกับราคาที่จ่าย ที่สำคัญคือ ตัวจริงกับภาพที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ ตรงกันเสมอ
MMO Aquatosphere คือ ผลงานที่ชวนให้นึกถึงนาฬิกาที่มีแรงบันดาลใจ มาจากผลผลิตในกลุ่มนักบินของ Sinn อย่างรุ่น 104 St SA และ EZM9 ที่ถูกผสมผสานกันอย่างลงตัวจนกลายมาเป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
5,500 บาท คือ ราคาที่ผมจ่ายไปสำหรับค่าตัวของนาฬิกาเรือนนี้ และสิ่งที่ผมมักถามเสมอว่า ถ้าต้องจ่ายเงินระดับเกินครึ่งหมื่นออกไป ผมควรจะคาดหวังอะไรได้บ้างจากนาฬิกาที่กำลังเดินทางมาได้บ้าง เพราะเมื่อมองซ้ายหรือแลขวาดูจาก นาฬิกาที่มีแบรนด์แล้วซึ่งวางขายอยู่ในตลาด กับราคาระดับนี้ ผมคงเลิกหวังในแง่ของสเป็กหรือแม้แต่การออกแบบไปได้เลย
แต่กับ MMO Aquatosphere ต้องบอกเลยว่าจัดเต็มและไม่ทำให้ผิดหวัง
- กระจก Sapphire แบบ Flat พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- Insert บนขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกแบบด้าน พร้อมเคลือบด้วยสารเรืองแสง BGW9 สีฟ้าสุดสวยเอาไว้ตามตัวเลขที่เป็นสเกลสำหรับใช้ในการจับเวลา
- สายหนังที่มีคุณภาพดูดีและโอเคขึ้นอย่างมาก แม้ในท้ายที่สุดผมจะเปลี่ยนสายใหม่ก็ตาม
- หน้าปัดแบบ Fume ที่มีการไล่เฉดจากด้านในที่เป็นสีอ่อนไปยังด้านนอกที่เป็นสีเข้ม ซึ่งแต่เดิมผมชอบแต่หน้าปัดแบบ Matt หรือแบบด้าน แต่พอเจอหน้าปัดนี้เข้าไป ถึงกับต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เลย
- ตัวเลขบน Insert ของขอบตัวเรือนแม้ว่าจะมีฟอนต์คล้ายกับ EZM9 แต่ก็สวยและเข้ากับตัวนาฬิกาเป็นอย่างดี แถมยังเป็นสเกลแบบ Countdown สำหรับนับถอยหลัง
นี่คือสิ่งที่ผมได้รับจากนาฬิกาเกินหลักครึ่งหมื่น และเมื่อบวกกับดีไซน์ที่ต้องบอกว่า เรียบหรูแต่ดูดี แล้ว MMO Aquatosphereคือ สิ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ในกรณีที่คุณไม่ยึดติดกับแบรนด์
สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบอยู่เสมอสำหรับผลผลิตของโปรเจ็กต์จากพี่โหน่งคือ ‘ตรงปก’ เรียกว่าภาพ PR เป็นแบบไหน ของจริงแทบไม่ต่างกัน เอาเป็นว่าผิดเพี้ยนก็ไม่เกิน 5% นอกจากนั้นดีไซน์ของตัวนาฬิกาเองถือว่า ดูดีและมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในเรื่องของรูปทรงตัวเรือนนั้นคงไม่พูดถึง เพราะถ้าคุณเป็นแบรนด์ Homage หรือ Microbrand ที่ไม่สามารถตั้งราคาขายให้สูงจนเกินงามแล้ว ก็คงต้องยึดเอาสิ่งที่มีอยู่ในตลาดเข้ามาช่วยในแง่ของการไม่ทำให้ต้นทุนสูงจนเกินไป และหันไปสร้างจุดเด่นในส่วนอื่นที่เห็นได้ชัดและสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมแทนอย่างเช่น หน้าปัดและเข็ม เป็นต้น
ในส่วนรูปทรงของตัวเรือนนาฬิกานั้น ไม่ได้มีอะไรที่เด่นหรือแปลกใหม่แต่อย่างใด เป็นนาฬิกาทรงกลมแบบมีขา เหมือนกับนาฬิกาสปอร์ตทั่วไป แต่ที่ถูกจริตผมคือ ขนาดที่สัมพันธ์กับข้อมือตัวเองในทุกมิติ เส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มิลลิเมตร บวกกับ Lug to Lug ราวๆ 51 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เยี่ยม
แต่ที่เยี่ยมกว่าคือ ความหนาในระดับ 13.4 มิลลิเมตรที่ทำให้นาฬิกาดูสปอร์ต และลงตัวเวลาคาดอยู่บนข้อมือ (ของผม) เรียกว่าถ้าส่วนผสมเพี้ยนไปแค่นิดหน่อย เช่น หนาไป หรือ ขาสั้นไป ผมอาจจะไม่รู้สึกแบบนี้ก็ได้
ส่วนเรื่องของ Fume Dial ผมให้คำอธิบายไปแล้ว แต่สิ่งที่ผมชอบจากแบรนด์ที่สร้างสรรค์โดยพี่โหน่งคือ ความเหมาะเจาะและลงตัวแบบไม่เยอะจนเกินไป การเลือกใช้ฟอนต์บนหน้าปัด การจัดวางสิ่งที่อยู่ภายใน คือความลงตัวที่ทำให้ดูดี และดูแพงขึ้นมาอย่างชัดเจน
การจับคู่ของเข็มให้เข้ากับตัวนาฬิกา คือ ส่วนที่ทำได้ดีถูกใจผมอย่างมาก ชุดเข็มทรง Baton ทั้งเข็มชั่วโมง และนาทีถือว่าเข้าคู่กับตัวนาฬิกา และเมื่อบวกกับเข็มวินาทีส้มด้วยแล้ว โดยส่วนตัว ผมว่านี่คือ จุดที่ทำให้นาฬิกาดูเด่นขึ้นมาอย่างมาก
นั่นคือความประทับใจโดยรวมที่ได้รับ แต่แน่นอนว่ามีบ้างที่บางจุดอาจจะไม่ประทับใจ เช่น การขันเกลียวของเม็ดมะยมที่เมื่อขันออกจนสุดแล้ว ตัวเม็ดมะยมจะไม่เด้งออกมาเหมือนกับนาฬิกาที่ใช้เม็ดมะยม แบบขันเกลียวทั่วไป แถมเมื่อดึงเม็ดมะยมออกมาตั้งเวลาแล้วดันกลับเข้าไปนั้น ผมรู้สึกเหมือนกับมันดันไม่เข้าที่ และหมุนเข้าแบบดูฝืนๆ จนเกรงว่าจะเกิดการปีนเกลียวกัน
สำหรับกลไกคงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะกลไกยอดนิยมของบรรดานาฬิกา Homage และ Microbrand ในยุคนี้ ก็คงหนีไม่พ้นกลไกรหัส NH ของ Seiko ซึ่ง NH35A ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Date ถูกเลือกเข้ามาประจำการในนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งในแง่ของความทนทานแล้วเชื่อว่าหลายท่านอาจจะได้มีโอกาสผ่านการสัมผัสมาจากหลายๆ รุ่นของนาฬิกา Homage และผ่านนาฬิกาหลายรุ่นของ Seiko ที่ใช้กลไก 4R35
ในแง่ของภาพรวมแล้ว ต้องบอกว่านี่คือนาฬิกาอีกเรือนที่สวย ลงตัว และคุ้มค่ากับราคาอย่างมาก ชนิดทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ต้องจ่ายแพงคุณก็มีโอกาสได้ของที่คุณภาพดี
และแน่นอนอีกเช่นกันว่า โปรเจ็กต์นี้ถูกเปิดให้จองมานานแล้วตั้งแต่ต้นปี ดังนั้น เมื่อคุณมีโอกาสได้อ่านบทความของผม การที่จะหามาเป็นเจ้าของก็อาจจะต้องใช้ความสามารถสักหน่อย เพราะโปรเจ็กต์น่าจะปิดรับจองแล้ว และคราวนี้อาจจะต้อง Inbox ไปถามกันเอาเองว่ายังมีของเหลือไหมเพราะมีการผลิตออกมาเพียง 99 เรือน
ส่วนราคาอาจจะต้องคุยกัน เพราะราคาที่ผมได้มานั้นคือราคารับจองในช่วงเปิดโปรเจ็กต์ เพราะราคาป้ายจริงๆ 8,900 บาท หรือ 299 เหรียญสหรัฐฯ
ข้อมูลทางเทคนิค :
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 43 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 51 มิลลิเมตร
- ความหนา : 13.4 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : Stainless Steel 316L
- ฝาหลัง : ทึบขันเกลียว
- ระดับการกันน้ำ: 300 เมตร
- กระจก : Sapphire พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- กลไก : NH35A อัตโนมัติ ขึ้นลานมือ Hacking เข็มวินาที
- ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
- สำรองพลังงาน : 41ชั่วโมง
- ประทับใจ: หน้าปัด ดีไซน์โดยรวม ขนาดตัวเรือน และความคุ้มค่ากับราคาต่อสเป็กที่ได้
- ไม่ประทับใจ : การดันและขันเม็ดมะยมให้เข้าเกลียวหลังจากตั้งเวลาแล้ว
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
