Maranez ถือเป็น Micro Brand อีกรายที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และหลังจากที่เคยอุดหนุนรุ่น Bangla ของพวกเขาไปแล้ว นี่คืออีกครั้งที่เราตัดสินใจเป็นลูกค้าของพวกเขากับนาฬิกาดีไซน์แปลกแบบมีช่องลับในรุ่น Undercover
Maranez Undercover : ช่องลับบนข้อมือคุณ
หลังจากผ่านการกรำศึกในการตามหานาฬิกาหลากรุ่นหลายแบรนด์อยู่พักใหญ่ จนครบหรือเกือบครบกับความต้องการ ผมไม่รู้ว่าทุกคนจะมีความรู้สึกเหมือนกับผมหรือเปล่า นั่นคือเริ่มเบื่อ และมองหาอะไรใหม่ๆ แบบไม่ยึดติดกับแบรนด์อีกต่อไป ขอให้มีปัจจัยอยู่ 3 ข้อคือ หน้าตาดี สเป็กโดน และราคาเร้าใจ
แน่นอนว่าในตอนนั้นเว็บไซต์ร่วมพลพวกระดมทุนอย่าง Kickstarter กลายเป็นที่สิงสถิตของผม และก็ต้องบอกว่าโชคดีที่หลายโปรเจ็กต์ที่ผมจองแบบ Early Bird ไปไม่มีปัญหาอะไร ส่งตามที่สัญญากับลูกค้าเอาไว้ ซึ่งจากจุดนั้น ทำให้ผมได้เจอกับนาฬิกาแบรนด์แปลกๆ ที่มาจากคนที่มีความตั้งใจทำ และเริ่มเสาะหาของใหม่ๆ จากนาฬิกาที่เรียกตัวเองว่า Micro Brand กันมากขึ้น
จริงอยู่ที่หลายแบรนด์ไม่มีตัวแทนจำหน่ายในบ้านเรา แต่ในโลกยุคนี้ เรื่องแค่นี้ขี้ผงมาก ขอเพียงบัตรเครดิตคุณมีวงเงินให้พอ และเมียที่บ้านไม่ดุก็แล้วกัน (เพราะเธอต้องรับพัสดุและออกเงินจ่ายภาษีให้ก่อน 555) นั่นทำให้ผมเริ่มเสิร์ชและมองหานาฬิกาแบบ Micro Brand ที่มีดีไซน์โดนมากขึ้น และสุดท้ายก็มาเจอเข้ากับ Maranez
ผมพยายามค้นหาประวัติของแบรนด์นี้ แต่เจอเข้ากับความหลากหลายของข้อมูล แต่เชื่อว่าจากการที่พวกเขาใช้ชื่อรุ่นที่แม้ว่าเป็นภาษาอังกฤษ แต่มันเป็นชื่อของหาดที่อยู่ในเกาะภูเก็ต ทำให้หลายคนอาจจะเหมาว่านี่คือนาฬิกา ซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ที่เมืองไทย ถึงตรงนี้ผมก็ยังไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ คือ ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย แต่มีศูนย์กลางอยู่ที่ฮ่องกงเหมือนกับหลายๆ แบรนด์ที่ผมเคยสั่ง เช่น Anicon, Helson และ Obris Morgan เพราะพัสดุที่ผมสั่ง ถูกส่งออกมาจากที่นั่น
ความจริงตอนที่คิดจะมาเป็นลูกค้าของแบรนด์นี้ผมไม่ได้สนใจ Undercover เลย เพราะพุ่งไปที่รุ่น Bangla ชื่อถนนแถวหาดป่าตองมากกว่า แต่พอได้มือสองมาแล้ว ก็ถึงจะเริ่มหันมามองเป้าหมายต่อไป และมาสะดุดที่ Undercover กับรูปทรงของตัวเรือนที่ดูคล้ายกับ Omega Seamaster Ploprof โดยที่ในตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่า ตัวนาฬิกามีลูกเล่นอะไรบางอย่างซ่อนอยู่จนกระทั่งคลิกเข้าไปดูรายละเอียดนั่นแหละ
ตอนที่ได้ Undercover มาถือว่ารวดเร็วมากเพียง 2 วันหลังจากทำออร์เดอร์ในเว็บ และเมื่อฉีกซอง FedEx พร้อมกับน้ำตาตกนิดๆ กับค่าภาษี 500 กว่าบาท ก็พบกับกล่องโฟมแบบฝาประกบที่ภายในจะมีแพ็คเกจทรงกระบอกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Maranez (จริงๆ คงเป็นเรื่องความคุ้มในการทำมากกว่า 555 เพราะขึ้นแม่พิมพ์เดียวใช้กับนาฬิกาทุกรุ่น)
เมื่อตัวจริงมาถึงมือถามว่าพอใจกับสิ่งที่ได้รับไหม คำตอบคือ ใช่แต่ยังไม่ถึงกับสุดเท่าไร ประเด็นคือตัวเรือนมีขนาดเล็กกว่าที่คิด ซึ่งผมก็เผื่อใจกับตรงนี้เอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เพราะเมื่อดูจากสเป็กที่ Lug-to-Lug แค่ 48 มิลลิเมตร แถมนาฬิกายังไม่มีขา โอกาสที่จะดูเต็มข้อคงยาก แต่กับคนที่มีข้อมือเล็กกว่า 7 นิ้ว คิดว่าน่าจะโอเคกับเรื่องนี้
นอกจากนั้นจากการที่ขนาดตัวนาฬิกาที่แม้ว่าจะใหญ่ถึง 50 มิลลิเมตรแต่ก็เป็นตัวเลขที่รวมเม็ดมะยมเข้าไป แถมทั้ง 2 ฝั่งยังมีปีกยื่นออกมา รวมถึงขนาดหน้าปัดจริงๆ ที่ค่อนข้างเล็ก เพราะตรงนี้คือฝาที่จะต้องเลื่อนออกเพื่อเข้าสู่ช่องลับของนาฬิกา แถมคนออกแบบยังออกแบบให้ตัวเรือนมันสอบขึ้นทางด้านบน เหมือนรูปทรงกรวยโดนตัดปลายแหลมออก ก็เลยเกิดความรู้สึกว่านาฬิกาเรือนเล็กลงไปเล็กน้อย
ถ้าตัดความรู้สึกส่วนตัวตรงนี้ออกไปแล้ว นี่คือ นาฬิกาที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว และทำให้ผมเกิดความอยากรู้จนถึงต้องสั่งมาดูว่า การเปิด-ปิดของชิ้นส่วนตัวเครื่องนาฬิกาในฐานะที่เป็นฝาปิดทำได้อย่างไร แล้วล็อกด้วยอะไร ซึ่งไอเดียในออกแบบถือว่าดี แต่กังวลในเรื่องระยะยาวว่าซีลที่ทำหน้าที่เป็นตัวล็อกของฝาเอาไว้จะอยู่ได้นานขนาดไหน เช่นเดียวกับเสียงดังที่เกิดขึ้นเพราะจากการที่ช่องเก็บ (ตัวเรือน) กับฝา (ชุดกลไกและหน้าปัดนาฬิกา) กระทบกันจะมีมากกว่าเดิมหรือไม่ เพราะที่เป็นอยู่ยังอยู่ในระดับที่รับได้ ถ้ามากกว่านี้จะเริ่มน่ารำคาญแล้ว
ในส่วนของช่องเก็บที่มีการคว้านลงไปนั้น เอาเข้าจริงๆ เก็บได้เฉพาะสิ่งของชิ้นเล็กๆ เช่น SD Card หรือไม่ก็พวก Sim Card เพราะตัวช่องมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ 34 มิลลิเมตร และมีความลึก 8 มิลลิเมตร หรือครึ่งหนึ่งของตัวเลขความหนาของตัวนาฬิกา ซึ่งทาง Maranez เองก็ให้คำแนะนำว่าเหมาะสำหรับเก็บยา แบงค์ที่พับให้เล็กๆ หรือ SD Card
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบในตัว Undercover คือ การออกแบบเข็มวินาทีให้สั้นชนิดที่เกือบจะกุด ซึ่งตรงนี้ช่วยทำให้พวกที่บ้านาฬิกากลไกเพียงเพราะไม่ชอบการกระตุกของเข็มวินาทีสามารถทำเมินและมองข้ามการเป็นนาฬิกาควอตซ์ของ Undercover ไปได้ เพราะดูผ่านๆ แล้วเหมือนกับนาฬิกาไม่มีเข็มวินาที ต้องเพ่งลงไปใกล้ๆ ถึงจะเห็นการขยับตัว
ขณะที่การเป็นนาฬิกา Micro Brand ทำให้คนผลิตจัดเต็มมาชนิดที่ลืมคิดไปว่านาฬิกาเรือนนี้แค่ 179 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ทั้งตัวเรือนสแตนเลสแบบขัดด้าน กลไกควอตซ์ของ Miyota กระจกแบบ Sapphire แถมยังเคลือบ AR ที่ด้านใน สารเรืองแสง SuperLuminova C3 ไวแสงและสว่างจ้าไม่แพ้นาฬิกาดำน้ำของ Seiko เลย สายยางคุณภาพดี แม้ว่าจะดูแล้วหนาไปสักนิด
กับเงินที่จ่ายไปรวมเบ็ดเสร็จเกือบ 7,000 บาทเพื่อแลกกับนาฬิกาหน้าตาแปลกๆ แถมยังเป็นกลไกควอตซ์ด้วย สำหรับผมถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะมีบางจุดที่ยังน่ากังวลในเรื่องการใช้งานระยะยาวก็ตาม สำหรับใครที่สนใจแล้วอยากลองก็เข้าเว็บ www.maranez.com แล้วลุยได้เลย
คุณสมบัติของ : Maranez Undercover
- ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง : 50 มิลลิเมตร
- Lug-to-Lug : 48 มิลลิเมตร
- ความหนา : 16.5 มิลลิเมตร
- ระดับการกันน้ำ : 100 เมตร
- กลไก : ควอตซ์ของ Miyota
- กระจก : Sapphire เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน
- จุดเด่น : ราคาไม่แรง ดีไซน์สวยและแปลก ตัวเรือนขัดด้านช่วยเพิ่มความสปอร์ต พรายน้ำสว่างมาก
- จุดด้อย : ความทนทานของตัวล็อกฝา
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/