สำหรับนาฬิกาดำน้ำที่ถือว่าคลาสสิคและสวยงามจากแบรนด์ Longines (ลองจิ้นส์) หนีไม่พ้นรุ่น Legend Diver ซึ่งในปีนี้มีการเพิ่มหน้าปัด 2 สีใหม่ นั่นคือ น้ำตาล และอีกรุ่นคือสีน้ำเงินซึ่งดูสวยและลงตัวอย่างมาก
Longines Legend Diver สีสันใหม่บนความคลาสสิคที่ไม่ควรพลาด
-
การเพิ่มสีสันใหม่บนหน้าปัดให้กับนาฬิกาดำน้ำรุ่นคลาสสิคของ Longines
-
ตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร มาพร้อมกับกลไกใหม่ 888
-
ราคาจำหน่ายในเมืองไทย 88,200 บาท
ลองจิ้นส์ ถือเป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีความเก่าแก่และประวัติความเป็นมายาวนาน แต่สำหรับผลผลิตที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาดำน้ำของพวกเขานั้น ถือว่าเพิ่งจะเริ่มต้นและกลายมาเป็นที่รู้จักก็ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงยุคใหม่ของการก่อกำเนิดนาฬิกาดำน้ำ โดยในช่วงปี 2007 ลองจิ้นส์ ได้นำนาฬิกาที่ถือกำเนิดในช่วงนั้นกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งและได้กลายเป็นโมเดลที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากแฟนๆ ทั่วโลก จนกระทั่งมีการผลิตและจำหน่ายอย่างต่อเนื่องมาจนถึงในปัจจุบัน ใช่แล้วครับ เรากำลังพูดถึงนาฬิกาดำน้ำรุ่นคลาสสิคของพวกเขา…นั่นคือ Legend Diver
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับ Longines Legend Diver นาฬิกาดำน้ำทรงสวยเพรียวที่มาพร้อมกับตัวเรือนแบบ 2 เม็ดมะยม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่ ลองจิ้นส์ ได้นำมารังสรรค์ขึ้นใหม่ภายใต้โปรเจ็กต์ “Immersion in Heritage” ที่เปิดตัวในปี 2007 โดย Legend Diver ถือเป็นสัญลักษณ์ของมรดกตกทอดของ ลองจิ้นส์ ในด้านการบุกเบิกตลาดนาฬิกาดำน้ำในยุคทศวรรษที่ 1960
นับจากปี 2007 เป็นต้นมา ลองจิ้นส์ ได้ผลิตและจำหน่าย Legend Diver ในตลาดโดยเรียกว่าแทบจะไม่ได้มีการเพิ่มความแตกต่างหรือความใหม่ใดๆ ให้กับตัวนาฬิกาเลย คือ มีเฉพาะหน้าปัดดำ ตัวเรือนสแตนเลสสีเงินและสายหนังสีดำ จนกระทั่งช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทางแบรนด์ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ๆ เข้ามาเพื่อสร้างความหลากหลายของคอลเล็กชั่น ซึ่งก็มีทั้งตัวเรือนรมดำ สายยาง สายมิลาเนส รวมไปถึงสายหนัง เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสีหน้าปัดที่มีทั้งสีน้ำตาล สีน้ำเงิน และสีเขียว และอีกสิ่งคือ ตัวเรือนบรอนซ์ นอกจากนั้นคือ การเปลี่ยนกลไกใหม่ ที่มีกำลังสำรองเพิ่มขึ้นจากเดิม
สำหรับเรือนที่เราได้มารีวิวนั้นเป็น Ref.L3.744.4.90.2 หน้าปัดสีน้ำเงิน ที่ทาง ลองจิ้นส์ ได้เพิ่มเวอร์ชั่นนี้เข้ามากับตัวเรือนสตีลพร้อมกับอีกรุ่นที่เป็นหน้าปัดสีน้ำตาล และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2021 โดยเวอร์ชั่นล่าสุดของ Longines Legend Diver ยังคงรักษาจิตวิญญาณและเส้นสายอันบริสุทธิ์ของนาฬิการุ่นดั้งเดิมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ในขณะเดียวกันก็ได้ผสมผสานความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาของแบรนด์ได้อย่างแนบเนียน
องค์ประกอบทางเทคนิคสมัยใหม่ที่ถูกจับใส่มาในนาฬิการุ่นนี้ ได้แก่ กระจกแซฟไฟร์คริสตัลทรงกล่อง เม็ดมะยมแบบ screw-in สองตำแหน่ง รวมถึงฝาหลังตัวเรือนแบบขันเกลียว ตลอดจนคุณสมบัติการกันน้ำระดับ 300 เมตร ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติแบบขึ้นลานมือได้ที่มาพร้อมซิลิคอน บาลานซ์ สปริง อันเป็นเอกสิทธิ์ของ ลองจิ้นส์
สิ่งที่น่าสนใจของ Longines Legend Diver คือ ตัวเรือนที่มี 2 เม็ดมะยม โดยนาฬิการูปทรงแบบนี้มักจะถูกเรียกว่าซูเปอร์ คอมเพรสเซอร์ ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะการมีเม็ดมะยม 2 ชุดบนตัวเรือน แต่มาจากนวัตกรรมที่ทาง Ervin Piquerez S.A. (EPSA) เป็นผู้ออกแบบโดยจะมีระบบการผนึกฝาหลังนาฬิกา โดยใช้การทำงานของสปริง และแรงดัน จากหลักการที่ว่ายิ่งดำน้ำลงไปลึก แรงดันยิ่งสูง ทำให้ตัวเรือนนาฬิกายิ่งปิดผนึกแน่น และนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของ ลองจิ้นส์ ได้นำระบบนี้มาใช้ ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดก็ได้นำรูปแบบของนาฬิกาในสไตล์นี้กลับมาใช้อีกครั้ง
สิ่งหนึ่งที่ ลองจิ้นส์ ถือว่าทำได้ดีและกลายเป็นเอกลักษณ์คือ การออกแบบชุดหน้าปัดและชุดเข็มที่สามารถปรับปรุงและสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ โดยที่มีกลิ่นอายของนาฬิการุ่นดั้งเดิม เรียกว่าทำได้ดีและสวยจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวนาฬิกา หลักชั่วโมงและสเกลลบนหน้าปัดมีขนาดใหญ่และมาพร้อมกับการเคลือบสีเบจทำให้ดูมีความวินเทจ ชุดเข็มชั่วโมงทรงหัวลูกศรมีขนาดใหญ่ดูเข้าชุดกับเข็มนาทีทรงยาว พร้อมกับเจาะช่องแสดงวันที่นำแหน่ง 3 นาฬิกา และทุกอย่างดูโดดเด่นและแตกต่างเมื่อมากับพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินในแบบ Fume ที่มีการไล่โทนสีจากตรงกลางออกสู่ขอบนอกซึ่งเป็นสีดำ
นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้แตกต่างจากนาฬิกาดำน้ำทั่วไปคือ การใช้เม็ดมะยมชุดที่ 2 ในการควบคุมขอบสเกลด้านในเพื่อใช้ในการจับเวลา ตรงนี้ อาจจะดูแล้วใช้งานยากหน่อย เพราะต้องคลายเกลียวเม็ดมะยมในตำแหน่ง 2 นาฬิกา จากนั้นค่อยหมุนเดินหน้าหรือถอยหลังเพื่อให้ได้ระยะเวลาที่ต้องการจากนั้นก็หมุนเม็ดมะยมให้แน่น แต่ต้องบอกว่าได้เรื่องความปลอดภัยแบบสุดๆ เพราะโอกาสที่ขอบสเกลจะเลื่อนเองในระหว่างการใช้งาน เหมือนกับนาฬิกาดำน้ำทั่วไปที่ใช้สเกลบนขอบตัวเรือนแบบหมุนทางเดียวนั้นมีน้อยกว่า
มาถึงประเด็นที่หลายคนอาจจะสงสัย นั่นคือ ตัวเลขของเส้นผ่านศูนย์กลางที่ไม่มากนักด้วยขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตรนั้น ถือว่าเล็กเกินไปไหมสำหรับข้อมือคนทั่วไป อันนี้จากประสบการณ์ตรงที่เคยสัมผัสมาต้องบอกว่า ไม่เล็กเลยนะครับ เพราะด้วยความที่ Longines Legend Diver มีขาสายที่ค่อนข้างยาว ดังนั้น Lug to Lug ก็เลยยาวตามไปด้วย โดยมีตัวเลขในระดับ 53 กว่ามิลลิเมตร เวลาขึ้นข้อ ก็ทำให้ดูเต็มข้อมือ แต่ไม่เทอะทะ เพราะว่าตัวเรือนไม่หนามาก มีตัวเลขอยู่ที่ 12.70 มิลลิเมตร ซึ่งความหนาส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่ฝาหลังที่ค่อนข้างนูน และกระจกแซฟไฟร์ทรงนูนสูงในสไตล์ Box Shaped
สำหรับรุ่นใหม่นั้น ต้องบอกว่าน่าสนใจอย่างมาก เพราะสิ่งที่เปลี่ยนยังรวมถึงกลไก โดยในรุ่นใหม่ๆ จะมากับกลไกใหม่ที่ใช้รหัส L.888 ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติที่มีความถี่ 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมกำลังลานสำรองประมาณ 72 ชั่วโมง เรียกว่าเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้น ตรงนี้ถือเป็นการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงที่ช่วยทำให้ตัวนาฬิกามีความน่าใช้มากขึ้น ส่วนระดับการกันน้ำก็ยังเท่าเดิม คือ อยู่ที่ 300 เมตร
เอาละ…มาถึงข้อสรุปหลายคนอาจจะอยากทราบว่า จริงๆ แล้วเรามีเหตุผลอะไรบ้างที่จะสอยเข้า Longines Legend Diver เข้ากรุ ถ้าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมขอบอกเป็นจุดเด่นเป็นข้อๆ นะครับ
อย่างแรกคือ การมีสตอรี่และที่มาของตัวนาฬิกา
อย่างที่ 2 หน้าตาและการออกแบบที่สวยและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการมีเม็ดมะยมสองชุด ถือว่าทำให้ Legend Diver ได้เปรียบในแง่นี้แบบเต็มๆ
อย่างที่ 3 ความเป็นแบรนด์ของ ลองจิ้นส์ ที่เป็นผู้ผลิตนาฬิกาที่มีประวัติความเป็นมานานกว่า 189 ปี
อย่างที่ 4 การปรับปรุงครั้งใหม่ที่ทำให้คุณได้กลไกใหม่ที่มีกำลังสำรองนานขึ้นเกือบเท่าตัวจากรุ่นแรกๆ
และสุดท้ายรูปทรงของตัวนาฬิกาที่ดูไม่เหมือนนาฬิกาดำน้ำ แต่เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่ดูเพรียวบางซึ่งคุณสามารถขึ้นข้อได้ในกรณีที่ต้องสวมชุดที่เป็นทางการ แต่ทว่าความสามารถของมันไม่ธรรมดา และเทียบได้เท่ากับนาฬิกาดำน้ำทรงบึกๆ
ผมว่าเท่านี้น่าจะเป็นเหตุผลที่มากพอสำหรับการเลือก Longines Legend Diver เข้ามาเป็นสมาชิกในกรุของคุณแล้วนะครับ
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.longines.co.th
หรือสอบถามรายละเอียด ติดต่อ Line: @Longines_th
รายละเอียดทางเทคนิค :
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลส สตีล
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 53 มิลลิเมตร
- ความหนา : 12.7 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- กระจก : Sapphire กันรอยขีดข่วนพร้อมเคลือบป้องกันการสะท้อนแสงหลายชั้นด้านใน
- กลไก : L.888 อัตโนมัติ
- ความถี่ : 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 72 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 300 เมตร
- ประทับใจ : ดีไซน์ ความเก่าแก่ที่มีประวัติของแบรนด์ สเป็กโดยเฉพาะกลไกใหม่
- ไม่ประทับใจ : ไม่มี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/