Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2

0

ผลผลิตที่เกิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถูกถ่ายทอดเรื่องราวและตำนานมาสู่การใช้งานทั่วไป ซึ่งถ้าถามว่าจะเลือกนาฬิกานักบินแบบ B-Uhr สักเรือนในราคาที่สมเหตุสมผล ผมคิดว่า Laco ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาประเภทนี้ป้อนกองทัพเยอรมนีมีความน่าสนใจมาก โดยเฉพาะรุ่น Munster ที่มากับหน้าปัดแบบ Type A

Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2
Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2

Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2

  • ตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร พร้อมรูปทรงและรูปแบบของหน้าปัดที่ผลิตตามสเป็ก B-Uhr
  • กลไก Laco 24 อ้างอิงพื้นฐานจาก ETA2824-2 เกรด Elabore
  • ราคาป้าย 37,500 บาท
- Advertisement -

เวลาบ้านาฬิกา ผมมักจะเทความชอบไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นมีอยู่ช่วงหนึ่งผมค่อนข้างชอบนาฬิกานักบินพวก Pilot Watch ด้วยเหตุผลของหน้าตาที่มีเอกลักษณ์ และความคลาสสิคซึ่งเกี่ยวพันกับเหตุการณ์สำคัญของโลก แต่ปัญหาคือ ผมชอบอะไรที่มันคล้ายกับของเดิมมากที่สุด อาจจะไม่ต้องถึงกับต้องมีขนาดเท่ากับต้นฉบับซึ่งมันใหญ่มาก หรือเป็นแบบแบรนด์เดียวกับ 5 ผู้ผลิตรุ่นดั้งเดิม แต่ขอแค่นาฬิกาเรือนนั้นๆ ถูกสร้างบนพื้นฐานของสเป็กที่อ้างอิงจากแบบของเดิมเป็นหลัก…ดูเหมือนเรื่องไม่มากนะ แต่ผมก็ยังไม่เจอเนื้อคู่สักที

เหตุผลคงเป็นเพราะนาฬิกาส่วนใหญ่ถูกปรับสเป็กให้สอดคล้องกับความต้องการในกลุ่ม Mass ของลูกค้าในปัจจุบันมากกว่าลูกค้าเพียงน้อยนิดแต่เรื่องมากฉิบฯ อย่างผม ส่วนพวกแบรนด์ดั้งเดิม แม้จะมีสเป็กตรงตามต้องการ แต่ราคาก็ไต่ระดับจนเกินเอื้อม อย่าง IWC เป็นต้น ส่วนถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็น 5 แบรนด์นั้น ที่เหลือก็มีทั้งพวกขนาดไม่เล็กไปก็ใหญ่ไปบ้าง เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แล

แต่เอาเถอะสุดท้ายเหมือนกับฟ้าจะกำหนดมาให้ผมเสียเงินจนได้ ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน ซึ่งในตอนแรกสารภาพตรงๆ เลยว่า Laco กับนาฬิกานักบินในแบบ B-Uhr ของพวกเขามีความสวย โดนใจผมมาก และครบสิ่งที่ผมต้องการอย่างที่อธิบายใน 2 พารากราฟแรก แต่ติดอยู่ 2 เรื่องคือ ราคาและขนาด

ประเด็นแรกไม่น่าห่วงเท่ากับประเด็นที่ 2 เพราะเงินมีเข้ามีออก สักวันถ้าเมียเผลอ งบฯ ก็จะต้องมาและนั่นก็จะเป็นวันของเรา แต่ประเด็นหลังกับไซส์แค่ 42 มิลลิเมตร ทำเอาผมหวั่นๆ ว่ามันจะทำให้ผมยอมรับได้หรือไม่ เพราะถ้าจะให้ไต่ไปพวกไซส์ 45 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ราคามันก็เกินเอื้อมไปแล้ว

ว่ากันว่าซื้อนาฬิกากับรองเท้าคล้ายกันคือ ต้องลองของจริง ถึงจะรู้ว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ สุดท้ายผมก็ต้องตัดสินใจตรงนี้ เพราะขืนนั่งดูภาพบนหน้าคอมพ์พร้อมกับมโนไปพลางๆ ก็กลัวที่จะแวะลงข้างทางเอาดื้อๆ ไปไม่ถึงฝั่งสักที

แม้ว่าใจจริงจะชอบ 2 รุ่น คือ Munster และ Paderborn แต่ครั้งแรกผมเลือกเอา Munster ก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็น Type A เรียบ ไม่รก และดูคลาสสิค เพราะงานนี้คิดอยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องโดน 2 ดอก ใครจะมาก่อนมาหลังไม่ใช่เรื่องใหญ่

ย้อนความอีกสักนิด ก่อนที่จะไปถึงเรื่องการควักเงิน ตอนแรกผมเล็งเจ้า Steinhart B-Uhr Vintage Titanium ไซส์ก็โอเค อยู่ในระดับ 44 มิลลิเมตร เพราะทุกอย่างเข้าสเป็กหมด ยกเว้นเรื่องเดียวคือ Steinhart เป็นแบรนด์ใหม่ ส่วนการสั่งจากเว็บเข้ามาเลย ราคาจะค่อนข้างถูกแต่ก็โดนภาษี ซึ่งโดยรวมแล้วไม่เกิน 20,000 บาทน่าจะจบ แต่ถ้าอยากอุดหนุนตัวแทนในไทยที่มีประกัน 2 ปีก็จะขยับขึ้นมาเป็น 23,000 บาท

คิดไปคิดมา สุดท้ายตัดสินใจไปขอลองทาบ Laco Munster ก่อนดีกว่า และเรื่องก็เป็นไปอย่างที่เห็นละครับ

ประเด็นที่ผมห่วงในเรื่องไซส์นั้น ต้องบอกว่า อารมณ์ยังออกแนวก้ำกึ่ง ไม่ถึงกับพอใจสุดๆ เพราะ 42 มิลลิเมตร เมื่อดูตัวเลขแล้วอาจจะเล็กในมุมของผม แต่ด้วยรูปแบบของนาฬิกาที่ไม่มีขอบ Bezel ทำให้หน้าปัดเบ่งพื้นที่ออกมาได้อย่างเต็มที่ และทำให้ตัวนาฬิกาดูมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นที่มีขอบ Bezel

ผลคือ เมื่อขึ้นข้อและยืนดูแล้ว ผมยืนลังเลและพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่นานสองนาน อาจจะเพราะการรับข้อมูลว่ามันคือนาฬิกาไซส์ 42 มิลลิเมตรที่ฝังอยู่ในหัว ก็เลยทำให้ดูคิดไปเองว่านาฬิกายังดูไม่เต็มข้อ เหมือนยังขาดอยู่อีกนิดนึงเท่านั้นเอง ถ้าขยับขนาดขึ้นมาอีกสักนิดน่าจะดีไม่น้อย

Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2
Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2

จริงๆ เรือนนี้ผมซื้อมาก่อน DW5750 ที่เพิ่ง Review ไปและพบว่ามันไม่เล็กอย่างที่คิด ซึ่งความรู้สึกประมาณนี้เลย ไม่ถึงกับเล็ก แต่ถ้าใหญ่อีกนิดจะดีมาก ก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้แก่ตัวลงอารมณ์ในการใส่นาฬิกาชักจะเริ่มเปลี่ยนไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะไม่ค่อยพรีสกับนาฬิกาหนาๆ ใหญ่ๆ แบบ Oversize เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ผมเคยบอกเสมอว่า Lug-to-Lug หรือความยาววัดจากปลายขาด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง และรูปแบบของขานาฬิกามีผลต่อความรู้สึกในด้านขนาดเวลาที่อยู่บนข้อพอสมควร ซึ่งกับ Laco Munster ขานาฬิกาถูกออกแบบให้เป็นแนวตรง และถูกวางให้อยู่ตรงกลางของความหนานาฬิกา ไม่ได้โค้งต่อเนื่องจากตัวเรือนด้านบนเหมือนกับนาฬิกาปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความแปลกแยก และสิ่งต่อมาคือ อาการกาง เพราะขานาฬิกานักบินตามต้นตำรับแล้ว ออกแบบให้เป็นแนวตรง และไม่ได้โค้งรับกับข้อมือ ซึ่งตรงนี้มีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้นาฬิกาดูเต็มข้อมือ เพราะกับ Lug-to-Lug ของ Laco Munster ที่มีตัวเลขราวๆ 52 มิลลิเมตรเวลาคาดอยู่บนข้อมือ 7 นิ้วของผมถือว่าโอเคเลย

ในแง่ของรายละเอียดบนตัวเรือน ซึ่งเป็น Stainless Steel แต่มีการยิงทรายให้อารมณ์เทาด้านๆ เหมือนกับไทเทเนียม ตรงนี้ต้องบอกว่าสวยและลงตัวอย่างมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงในการเกิดรอย และถ้าเกิดแล้วก็มีแนวโน้มว่าจะเห็นได้ชัดเจนชนิดที่พยายามลืมอย่างไรก็ไม่ลง

ฝาหลังของ Munster มีขนาดใหญ่และแตกต่างจากฝาหลังของนาฬิกาทั่วไปที่เราคุ้นเคย เพราะฝาหลังมีขนาดใหญ่พอๆ กับตัวเรือนเลย และเป็นแบบยิงทรายเหมือนกัน ส่วนใครที่คิดไม่ออกว่าจะแงะอย่างไร ทาง Laco มีการออกแบบให้เป็นร่องสำหรับงัดฝาหลังออกมาได้ตรงตัวเรือนฝั่งตรงข้ามเม็ดมะยม ซึ่งตรงนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แน่นอนว่าความสวยมา แต่รอยก็อาจจะตามมาถ้าช่างเกิดแงะไม่ดี

ถ้าไม่นับขนาดตัวเรือนที่ถูกย่อลงมาเพื่อให้ใช้งานได้ในชีวิตประจำวันแล้ว Munster มากับสเป็กที่ถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับของ B-Uhr ในกองทัพอากาศเยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งฝาหลังที่มีการสลักรายละเอียดของตัวนาฬิกา ด้านข้างฝั่ง 9 นาฬิกามีการสลักเลขรหัสของนาฬิกาตามลิสต์ของอุปกรณ์ในกองทัพ นั่นคือ FL23883 เม็ดมะยมมีรูปทรงแบบเพชรขนาดใหญ่ เพื่อความสะดวกในการปรับตั้งเวลาของนักบินที่จะต้องสวมถึงมือ หน้าปัดแบบ Type A ไม่มีโลโก้ของแบรนด์ และมาแบบเรียบๆ ไม่มีช่องวันที่ใดๆ

สิ่งที่ผมค่อนข้างชอบสำหรับหน้า Type A  คือ ความเรียบง่าย และสิ่งที่ใครเห็นก็รู้เลยว่ามันคือนาฬิกานักบิน การไม่มี Logo ใดๆ ของแบรนด์ตามข้อกำหนดของกองทัพ ทำให้หน้าปัดดูเด่นและสวยขึ้น เข็มทรงดาบที่ถูกผลิตและให้สีในแบบ Blue Steel เวลาเล่นกับแสงนั้นทำได้ค่อนข้างดี และดูไม่หลอกตาเหมือนกับเข็มประเภทเดียวกันในกลุ่มนาฬิการาคาถูกๆ ส่วนกระจก Sapphire ก็เป็นแบบทรงโดม โค้งนิดๆ กำลังสวยเลย

อีกสิ่งที่ผมค่อนข้างชอบคือ การเลือกออกแบบขาสายกับขนาดตัวเรือนให้สมดุลกัน เพราะจริงอยู่ที่สายหนังไซส์ 20 มิลลิเมตรในตลาดจะค่อนข้างหายากหน่อย แต่ก็ไม่ยากเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร และด้วยความกว้างระดับนี้ผมถือว่าสมดุลกับเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวเรือนที่อยู่ในระดับ 42 มิลลิเมตร

Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2
Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2

ทางด้านกลไกก็ให้ความมั่นใจกับ Laco24 ที่ได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ ETA2824-2 แบบ Elabore ซึ่งมั่นใจได้ในความทนทานและการดูแลรักษาที่ง่าย-สะดวก  โดยกลไกรุ่นนี้มีการแบ่งระดับออกเป็น 4 รุ่นคือ Standard, Elabore, Top และ Chronometer  ส่วนเรื่องที่ว่า Elabore นั้นแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานของ ETA2824-2 อย่างไรนั้น ตอนกางสเป็กดูแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไร รายละเอียดหลักๆ เหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นรูปแบบของระบบดูดซับแรงกระแทก ขณะที่การสำรองพลังงานของทั้ง 4 รุ่นเท่ากันที่ 38 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ค่อนข้างขัดใจเล็กน้อยคือ ปกติแล้วกลไกน่าจะมีระบบ  Day/Date มาให้ด้วย แต่ในรุ่นนี้ไม่มีการใช้ฟังก์ชั่นนี้ และก็คงไม่ได้ถูกดัดแปลงอะไรมากมาย ดังนั้นเวลาดึงเม็ดมะยมเพื่อตั้งเวลาก็เลยต้องเป็น 2 สเต็ป แทนที่จะเป็นแบบสเต็ปเดียว ส่วนการขึ้นลานมือก็ทำได้เลยเพราะตัวเม็ดมะยมไม่ได้เป็นแบบขันเกลียวเหมือนกับนาฬิกาดำน้ำ

Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2
Laco Munster ตำนานนักบินแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2

มาถึงคำตอบที่ทุกคนอยากรู้คือ คุ้มไหมที่จะยอมจ่ายเงินในระดับ 37,500 บาท (ซึ่งในตอนนี้ราคาที่ตัวแทนจำหน่ายขึ้นแล้วตั้งแต่ต้นปี) ?

สิ่งแรกที่คุณต้องตอบให้ได้ก่อนคือ คุณหลงใหลในนาฬิกานักบิน B-Uhr หรือไม่ และถ้ามี…มีมากน้อยแค่ไหน ? ถ้าคำตอบคือ ไม่ หรือเฉยๆ ผมว่ายังไงก็ไม่คุ้ม เพราะกับตัวเลขระดับนี้ คุณยังมีตัวเลือกอีกค่อนข้างเยอะที่มีความน่าสนใจกว่าทั้งในแง่ของแบรนด์และฟังก์ชั่น

แต่ถ้าคุณคิดที่จะมีนาฬิกาแบบ B-Uhr อยู่ในกรุสักเรือน และต้องเป็นมีตำนานร่วมบวกกับหน้าตาที่ผลิตตามสเป็กแล้ว ราคานี้ถือว่าน่าสนใจ และรับได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีตำนานร่วมกัน ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ตอนนี้ราคาพุ่งไปไกลแล้ว

Laco Munster อาจจะไม่ได้เรื่องฟังก์ชั่น หรือแบรนด์ที่โด่งดังมาก แต่สิ่งที่แลกมาคือ ความรุ่มรวยของประวัติศาสตร์และการมี Heritage ของเรื่องราวในฐานะความเป็น  1 ใน 5 ของผู้ผลิตนาฬิกา B-Uhr ยุคดั้งเดิม บวกกับความประณีตของการผลิตที่ถือว่าดีในระดับหนึ่งเลย…ผมพอรับได้นะกับราคาที่จ่ายไประดับนี้เพื่อแลกกับสิ่งที่พูดมาทั้งหมด

รายละเอียดทางเทคนิค : Laco Munster

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
  • Lug-to-Lug  :  52 มิลลิเมตร
  • ความหนา   :  13 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย :  20 มิลลิเมตร
  • วัสดุ    :    Stainless Steel แบบยิงทราย
  • กระจก  :  Sapphire ทรงโดม เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
  • ระดับการกันน้ำ  :   50 เมตร
  • กลไก   :   Laco 24 พัฒนาจาก ETA2824-2 Elabore Grade
  • จำนวนทับทิม    :     25 เม็ด
  • สำรองพลังงาน   :   38 ชั่วโมง
  • ความถี่ :  28,800  ครั้งต่อชั่วโมง
  • ประทับใจ                รูปทรงตัวเรือน การอกแบบที่อ้างอิงสเป็กดั้งเดิม ตำนานของแบรนด์
  • ไม่ประทับใจ           ราคา การดึงเม็ดมะยม 2 สเต็ปทั้งที่เป็นนาฬิกา No  Date