Junichi Izumi เบื้องหลังความสำเร็จของ CASIO G-Shock GA-2100

0
- Advertisement -

ปฏิเสธไม่ได้ว่า GA-2100 รวมถึงนาฬิการุ่นต่อเนื่องที่เปิดตัวออกมาอย่าง GM และ GM-S คือความสำเร็จที่ผลักดันให้ชื่อของ CASIO G-Shock กลับมาอยู่ในจุดสนใจอีกครั้ง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้คือชายที่ชื่อว่า Junichi Izumi

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

Junichi Izumi เบื้องหลังความสำเร็จของ CASIO G-Shock GA-2100

ทุกๆ ช่วงเวลาในรอบทศวรรษ CASIO G-Shock มักจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘รุ่นเด่น’ ของตัวเองอยู่เสมอ ในช่วงเปิดตัวครั้งแรกของแบรนด์ในปี 1983 เราได้รับรู้ถึงความคลาสสิคของนาฬิกาเปิดตัวของพวกเขาอย่างรุ่น DW-5000C ส่วนในทศวรรษที่ 1990 คือช่วงเวลาของ DW-6900 ขณะที่ปี 2000 และปี 2010 ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างก้ำกึ่ง และถ้าจะให้ตัดสินแบบเจาะจง ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาของตระกูล GA-100/GA-110 ส่วนทศวรรษใหม่อย่าง 2020 คือช่วงเวลาที่รอพิสูจน์อยู่ว่าจะเป็นรุ่นไหน แต่ที่แน่ๆ เราพอเห็นได้ลางๆ ว่าน่าจะเป็นยุคของ 2100 Series ซึ่งในตอนนี้มีรุ่นอย่าง GA, GM และ GM-S ทำตลาดอยู่

เมื่อปลายเดือนสิงหาคมทีมงานของ Ana-Digi.com ได้รับเกียรติจากทาง Casio Marketing Thailand กับโอกาสในการร่วมพูดคุยกับคุณ Junichi Izumi จากแผนก Product Planning ในกลุ่มนาฬิกาของ CASIO ทางออนไลน์

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100 Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

เรียกว่าได้รับทราบถึงเรื่องราวและรายละเอียดหลากหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาผลผลิตใหม่ที่แม้ว่าทีมงานที่ร่วมพัฒนาจะไม่ได้คาดคิดในตอนต้นว่าจะประสบความสำเร็จ แต่เรากลับเชื่อว่านี่คือสิ่งที่จะช่วยสร้างกระแสความนิยมของ G-Shock ให้กลับมาอีกครั้ง และถือเป็นนาฬิกาที่อาจจะถูกเรียกว่า Iconic อีกรุ่นหนึ่งของพวกเขา

GA-2100 ถูกเปิดตัวในปี 2019 ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาที่เป็นผลผลิตต่อเนื่องมาจากช่วงเวลาของการฉลอง 35 ปีของ G-Shock ที่มีขึ้นในปี 2018 ซึ่ง ณ ตอนนั้น พวกเขาเหมือนกับนำแนวคิด Retro กลับมาใช้ และมีการทยอยเปิดตัวนาฬิกาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแรงบันดาลของรุ่นเริ่มต้นของ CASIO G-Shock ที่เปิดตัวในช่วงต้นๆ

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

ซีรี่ส์ DW-5700 ตามด้วยซีรี่ส์ DW-5900 ถูกปล่อยออกมา แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ ‘ปัง’ ถึงขนาดที่สร้างกระแสขึ้นมาได้ จนกระทั่งการมาถึง GA-2100 นาฬิกาแบบ 2 ระบบที่ผสาน Analog และ Digital เข้าด้วยกัน

‘จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่เรากำลังจะเปิดตัวนาฬิการุ่นนี้ ผมและทีมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะขายดี และเป็นไปตามที่แฟนคลับของ G-Shock คาดหวังไว้หรือไม่ เพราะ GA-2100 เป็นรุ่นใหม่ และถ้าเทียบกับนาฬิการุ่นอื่นๆ ของ G-Shock นาฬิกาเรือนนี้มีขนาดบางและค่อนข้างกะทัดรัด ดังนั้นเราจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมในทันที’ Junichi Izumi ตอบคำถามแรกของเราในการสัมภาษณ์ เพราะเราค่อนข้างสงสัยว่าในมุมของนักพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้น พวกเขามีความคาดหวังในสิ่งที่พวกเขาออกแบบหรือสร้างว่าจะ ‘ดัง’ มากน่อยแค่ไหน

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

และแน่นอนว่าจุดที่พวกเขากังวลในตอนแรกในเรื่องของขนาดตัวเรือนที่เล็กและบางกว่านาฬิกาทั่วไปของ CASIO G-Shock นั้น สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นจุดแข็งของตัวนาฬิการุ่น GA-2100 ไปแทน เช่นเดียวกับการออกแบบที่สืบทอดความคลาสสิกมาจาก DW-5000C

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

‘สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมคิดคือซีรี่ส์ 2100 มีดีไซน์แบบมินิมอล แต่ขณะเดียวกันก็สืบทอดแนวความคิดของนาฬิกา G-Shock รุ่นแรก DW-5000C ซึ่งแนวความคิดของทั้ง 2 รุ่นคือการลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เราจึงคงไว้เฉพาะส่วนที่จำเป็นสำหรับนาฬิกา เป็นอีกเหตุผลสำคัญหนึ่งที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับความนิยม’ Junichi Izumi กล่าวเพิ่มเติม

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

ยอดขายและความนิยมที่เกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัวในช่วง 2 ปีที่ทำตลาด คือ สิ่งที่ยืนยันถึงความสำเร็จ GA-2100 ขายดีทั่วโลก ไม่เฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ยังรวมถึงประเทศในแถบเอเชีย จีน ญี่ปุ่นและประเทศในแถบยุโรปด้วย และในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ความนิยมของ GA-2100 ในเมืองไทยก็เพิ่มขึ้น

ยอดจำหน่ายของ GA-2100 เพิ่มขึ้นทั่วโลกประมาณ 150% และสำหรับการขาย  G-Shock ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 10%  และกลายเป็นตัวที่สร้างยอดขายในแง่ภาพรวมให้กับ CASIO G-Shock ได้เป็นอย่างดี

ผลที่ตามมาคือการมาถึงของ GM-2100 และ GM-S2100 ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกเติมเข้ามาเพิ่มไลน์อัพให้กับนาฬิกาในตระกูลนี้เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ และเป็นการกระตุ้นยอดขาย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ ทุกรุ่นที่ถูกเพิ่มกรอบตัวเรือนโลหะในรหัส GM เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นนาฬิกาที่ถูกมองว่าเป็น Iconic ของแบรนด์ทั้งนั้น GM-5600, GM-6900 หรือ GM-110 ดังนั้น GM-2100 และ GM-S2100 ก็คงไม่ต่างกัน

‘สำหรับ G-Shock เรามีผลงานตัวเรือนโลหะในหลายรุ่น จะเห็นได้ว่า GM-2100 และ GM-S2100 ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆ เช่น GMW, GST หรือ G-STEEL แล้ว GM-2100 และ GM-S2100 จะมีความแตกต่างในแนวความคิดของการออกแบบที่มีความเรียบง่ายในแบบมินิมอล และน่าจะเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อย

อีกทั้งยังมีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ของ G-SHOCK ในซีรี่ส์เมทัล และด้วยการออกแบบตัวเรือนทั้งขนาดและรูปแบบจะเห็นว่า GM-2100 และ GM-S2100 สามารถรองรับกับการใช้งานทั้งแบบทางการหรือแบบลำลอง จุดนี้ทำให้ GM-2100 และ GM-S2100  แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ’

Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100 Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100
Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100 Junichi Izumi CASIO G-Shock GA-2100

ถ้าพิสูจน์คำตอบนี้ด้วยการดูจำนวนตัวเลขยอดขายที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่า GA-2100 สอบผ่านชนิดที่เรียกว่าได้เกรด A แต่จะได้ +พ่วงมาด้วยหรือไม่ต้องดูว่า นาฬิกาเรือนนี้จะกลายเป็น Iconic ที่ทุกคนนึกถึงเมื่อเวลาผ่านไปแล้วหรือไม่…เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้กับเรา

การตอบรับจากลูกค้าก็ยังเป็น KPI ที่สำคัญในการวัดผล และแน่นอนว่า GM-2100 และ GM-S2100 สอบผ่าน เพราะเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อยในญี่ปุ่น ในเมืองไทยก็เช่นเดียวกัน จากข้อมูลที่ได้รับราว 60% ของผู้ซื้อนาฬิกาซีรี่ส์ GM จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุราว 20 ปี เมื่อพูดถึงซีรี่ส์ GM-2100 ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น โดยสีสันใหม่ เช่น สีเขียว ขายดีมากในญี่ปุ่น

ส่วนใครที่กังวลในเรื่องความแข็งแกร่งทนทานก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะนาฬิกาในตระกูล GM หรือกรอบตัวเรือนแบบโลหะนั้นคงคุณสมบัติแบบเดียวกับที่นาฬิกา G-Shock เคยมี เช่นเดียวกับมาตรฐานการทดสอบในแบบเดียวกัน ขณะที่เรื่องของความห่วงต่อการเกิดรอยขูดขีดบนตัวเรือนนั้น ก็ไม่ต้องห่วงเพราะทีมพัฒนาห่วงเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นทางแล้ว

‘แม้ว่ากรอบตัวเรือนจะเป็นโลหะ แต่คุณภาพความทนทานของ G-Shock ยังคงเหมือนกับรุ่นตัวเรือนเรซิน ซึ่งผ่านการทดสอบความทนทานขั้นสูงสุดของ G-Shock เช่นกัน นอกจากนี้ ในรุ่นโลหะ เรายังใช้เทคนิคการเคลือบ IP พื้นผิว เช่น รุ่นที่เคลือบพื้นผิวสีดำด้วยเทคนิค IP หรือ Ion Plating ทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าโลหะปกติ ช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนบนขอบตัวเรือนได้ แต่ในรุ่นที่ไม่มีการเคลือบผิวด้วยเทคนิค IP เราก็ใช้การตกแต่งพื้นผิวด้วยเทคนิค Hairline บนขอบตัวเรือน ซึ่งจะช่วยพรางรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นในการใช้งานได้เช่นกัน ฉะนั้นลูกค้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องการเกิดรอยขีดข่วน’

สิ่งหนึ่งสำหรับคนซื้อและสวมใส่นาฬิกาคือ ความสุขที่ได้ใส่ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกที่ยากจะวัดผลได้ แต่ดูเหมือนว่า Junichi Izumi และทีมทำงานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก็ไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ และคิดว่ามีความสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน

‘ทีมวิศวกรของ CASIO พยายามจะพัฒนานาฬิการุ่นแกร่งของ G-Shock เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ใช้งาน เราจึงพัฒนาผลงานใหม่ที่จะน่าความประหลาดใจให้กับผู้ใช้ตัวจริง ในขณะเดียวกันทีมออกแบบของ G-Shock ก็ทำงานหนักมาก เราทำงานกันเป็นทีม แม้ในบางช่วงเราต้องทำงานที่บ้านในสถานการณ์โควิด แต่เราก็ยังทำงานประสานกัน เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆ พัฒนานาฬิการุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง’

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบางเรื่องที่แฟนๆ ของ CASIO G-Shock อาจจะยังไม่ทราบ เพราะกว่าจะมาเป็นนาฬิกาที่แปะโลโก้ของแบรนด์นี้ได้สักเรือนทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย เพื่อให้นาฬิกา G-Shock เรือนนั้นมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนของการเป็น ‘G-Shock’

‘เรามีอยู่ 2 ประเด็น หนึ่งคือคุณภาพของ G-Shock โดยปกติ นาฬิกา G-Shock ต้องผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทนทานหลายขั้นตอนมากในการผลิตมากกว่า 100 การทดสอบ โดยการทดสอบด้านคุณภาพเป็นความลับที่เราไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่การทดสอบที่เรามีล้วนเพื่อให้แน่ใจถึงความทนทานและแข็งแกร่งของ G-Shock ทั้งสิ้น’

‘อีกประเด็นก็คือ G-Shock เป็นของขวัญจาก คิคุโอะ อิเบะ บิดาของ G-Shock ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงทำงานอยู่ที่ศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D Center) วิศวกรรมและปรัชญาหรือ DNA ของ G-Shock ยังคงอยู่ ไม่เฉพาะแต่นาฬิกา G-Shock เท่านั้น แต่ทีมวิศวกรของ CASIO ยังคงยึดถือปรัชญาของ คิคุโอะ อิเบะ ไว้ในใจเสมอในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ซึ่งคือสิ่งสำคัญของทีม R&D

ปี 2023 จะเป็นอีกปีที่มีความสำคัญสำหรับ CASIO G-Shock เพราะแบรนด์จะมีอายุครบ 40 ปี ซึ่งตรงนี้ทาง Junichi Izumi ได้วางแผนและเตรียมสี่งใหม่ๆ เอาไว้แล้ว

‘เรากำลังวางแผนพัฒนาผลงานใหม่ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพราะในปี 2023 เราจะฉลองครบรอบ 40 ปีของ G-Shock เราจึงวางแผนเปิดตัวผลงานใหม่ ซึ่งเราคิดว่าลูกค้าจะมีความสุขอย่างยิ่งกับผลงานในอนาคต และเราก็จะมีการนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ออกสู่สาธารณะ เพราะ G-Shock ไม่ใช่นาฬิกาแฟชั่น แต่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความทนทาน ความแข็งแกร่งของแบรนด์ รวมไปถึงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

ดังนั้นเราคิดว่าการสื่อสารเรื่องราวของ G-Shock ไปถึงผู้ใช้งานและลูกค้า ทั้งจากการจัดกิจกรรมและผ่านทางแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จะทำให้ลูกค้าและผู้ใช้เข้าถึงความเป็น G-Shock ได้มากขึ้น เราจึงไม่เพียงแต่ใช้ตัวสินค้าในการสร้างประสบการณ์เท่านั้น ในส่วนการตลาดยังจะต้องทำการสื่อสารเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ G-Shock ไปพร้อมๆ กันด้วย’

เตรียมนับถอยหลังกันแล้วอดใจรอเพื่อดูเซอร์ไพรส์ที่ Junichi Izumi และทีมพัฒนาของ CASIO G-Shock เตรียมเอาไว้ ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่แพ้กับคอลเล็กชั่นฉลองครบอายุหลักสำคัญๆ ที่เคยเปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน