อีกเวอร์ชันของ Reverso ที่ถูกเปิดตัวในงาน Watches and Wonders 2025 โดย Jaeger-LeCoultre นำเสนอความงามของผลผลิตที่มาจากทองคำ Pink Gold 18K ทั้งตัวเรือนและสายแบบ Milanese ผ่านทางรุ่น Reverso Tribute Monoface Small Second ซึ่งมีราคาจำหน่ายในเมืองไทยอยู่ที่ 1.46 ล้านบาท
Jaeger-LeCoultre Reverso Tribute Monoface Small Second อร่ามตากับตัวเรือนและสาย Pink Gold
-
รุ่น Monoface มาพร้อมกับตัวเรือนและสายที่ผลิตจาก Pink Gold
-
ตัวเรือนบางเพียง56 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากกลไกไขลานที่มีความหนาเพียง 2.93 มิลลิเมตร
-
ราคาจำหน่ายในเมืองไทย 46 ล้านบาท
สำหรับแฟนๆ ของ Jaeger-LeCoultre Reverso ที่ต้องการความหรูหราระดับที่เตะตาแบบสุดๆ ในตอนนี้ Reverso Tribute Monoface Small Second มากับทางเลือกใหม่ที่สวยและลงตัวด้วยตัวเรือนแบบ Pink Gold 18K พร้อมกับสายถักแบบ Milanese ที่ผลิตจากวัสดุเดียวกัน และขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน In-House ในรหัส 822
ในงาน Watches and Wonders 2025 ทางแบรนด์ได้นำเสนอเรื่องราวของจุดกำเนิดนาฬิกา Reverso ที่เกิดขึ้นในปี 1931 และมีต้นกำเนิดมาจากความต้องการของนักกีฬาโปโล จึงไม่น่าแปลกใจที่ในงานจะมีนาฬิกาใหม่จาก Reverso มากถึง 9 รุ่น และหนึ่งในนั้นคือ Reverso Tribute Monoface Small Second ที่ถูกผลิตจากทองคำ Pink Gold 18k (750/1000) บนตัวเรือนขนาด 45.6X27.4 มิลลิเมตร และมีความหนาเพียง 7.56 มิลลิเมตรเท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ สาย Milanese ที่มากับนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งทาง Jaeger-LeCoultre บอกว่าผลิตจากทองคำ Pink Gold ที่ถูกรีดเป็นเส้นที่มีความยาว 16 เมตรจำนวน 2 เส้น จากนั้นนำมาทอเป็นโครงตาข่ายที่อ่อนนุ่มและโค้งงอ หรือ pezza (คำในภาษาอิตาลีที่แปลว่า “ผ้า”) แล้วจึงเชื่อมด้วยมือทีละข้อ ผลลัพธ์ที่ได้คือ สายนาฬิกาที่นุ่มลื่นแต่มีน้ำหนักซึ่งสะท้อนถึงรูปทรงของตัวเรือนในขณะที่ยังคงกลิ่นอายของเครื่องประดับสไตล์ย้อนยุคเอาไว้ สายนาฬิกายังมีตัวล็อกแบบเลื่อนปรับได้เพื่อรองรับขนาดข้อมือที่หลากหลาย การออกแบบสายนาฬิกาที่ปรับปรุงใหม่ยังช่วยให้สายนาฬิกาแนบสนิทกับตัวเรือนได้เป็นอย่างดี
เทคนิคการผลิต Milanese เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี แต่ยังไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายในแถบยุโรปเท่าไรจนกระทั่งในทศวรรษที่ 1920 จึงมีช่างทำเครื่องประดับในเยอรมนีได้เรียนรู้และนำมาใช้ในการทำเครื่องประดับหลายอย่างรวมถึงนาฬิกา และได้รับความนิยมอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป และกลับมาอีกครั้งในช่วงทศวรรษที่ 1970
ในรุ่นนี้เป็นแบบ Monoface ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อพลิกกลับด้านหลังจะเป็นพื้นที่ว่างเปล่า แต่ลูกค้าที่ต้องการความพิเศษก็สามารถสั่งยิงเลเซอร์หรือสลักข้อความหรือภาพที่ต้องการลงไปได้ ส่วนด้านหน้าเป็นเพลทหน้าปัดสีทองที่มีลายเกรน (Grain) เพื่อเพิ่มมิติให้กับพื้นผิว ส่วนหลักชั่วโมงใช้เป็นทรงแท่งแทนที่ตัวเลขอาระบิก และในตำแหน่ง 6 นาฬิกาจะมีหน้าปัดย่อยของเข็มวินาทีแยก สอดรับกับเข็มสีทองทรงปลายแหลมแบบ Dauphine
![]() |
![]() |
ความบางของตัวเรือนนาฬิกาส่วนหนึ่งมาจากกลไกไขลาน Cal.822 ของ Jaeger-LeCoultre ซึ่งตัวกลไกเองเป็นแบบไขลานจึงไม่ต้องมีโรเตอร์ขึ้นลาน และทำให้ช่างทำนาฬิกาสามารถสร้างสรรค์กลไกให้มีความบางลงมาอยู่ที่ 2.93 มิลลิเมตรเท่านั้น โดยกลไกรุ่นนี้มีชิ้นส่วนรวม 108 ชิ้น และมีกำลังสำรองสูงสุด 42 ชั่วโมง ส่วนการกันน้ำอยู่ที่ 30 เมตร
Jaeger-LeCoultre Reverso Tribute Monoface Small Second (Ref. Q713216J) มีราคาอยู่ที่ 1.46 ล้านบาท
รายละเอียดทางเทคนิค : Jaeger-LeCoultre Reverso Tribute Monoface Small Second (Ref. Q713216J)
-
ขนาดตัวเรือน : 45.6X27.4 มิลลิเมตร
-
ความหนา : 56 มิลลิเมตร
-
วัสดุตัวเรือนและสาย : ทองคำ Pink Gold 18K
-
กระจก : Sapphire
-
กลไก : 822 แบบไขลาน และ Small Second
-
ความถี่ : 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
-
กำลังสำรอง : 42 ชั่วโมง
-
การกันน้ำ : 30 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline