ระบบเปลี่ยนสายแบบไม่ต้องพึ่งเครื่องมือกลายเป็นอีกฟังก์ชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ผลิตนาฬิกา และ Jaeger-LeCoultre ได้นำระบบนี้มาใช้กับ 2 นาฬิกาในกลุ่ม Master Control Collection โดยผสมผสานสายสตีลและสายหนังกับระบบนี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
Jaeger-LeCoultre Master Control Collection ผสานความสะดวกในการเปลี่ยนสายอย่างลงตัว
-
ผสมผสานความโดดเด่นด้วยความสะดวกกับระบบเปลี่ยนสายแบบ Interchangeable Steel Bracelet
-
มีจำหน่ายทั้งรุ่น Master Control Calendar และ Master Control Chronograph Calendar
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 866AA และ Calibre 759
นาฬิกาอีกคอลเล็กชั่นของ Jaeger-LeCoultre ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามาโดยตลอดคือ Master Control Collection ซึ่งในปีนี้ถือว่ามีความพิเศษเพราะเป็นวาระของการทำตลาดครบรอบ 30 ปี และทางแบรนด์ได้มีการอัพเดท 2 รุ่นย่อยในคอลเล็กชั่นนี้นั่นคือ Master Control Calendar และ Master Control Chronograph Calendar ด้วยการปรับปรุงใหม่โดยเฉพาะการหันมาใช้ระบบเปลี่ยนสายโลหะแบบ Interchangeable Steel Bracelet ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเปลี่ยนโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือ
นาฬิกาอีกคอลเล็กชั่นของ Jaeger-LeCoultre ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามาโดยตลอดคือ Master Control Collection ซึ่งในปีนี้ถือว่ามีความพิเศษเพราะเป็นวาระของการทำตลาดครบรอบ 30 ปี และทางแบรนด์ได้มีการอัพเดท 2 รุ่นย่อยในคอลเล็กชั่นนี้นั่นคือ Master Control Calendar และ Master Control Chronograph Calendar ด้วยการปรับปรุงใหม่โดยเฉพาะการหันมาใช้ระบบเปลี่ยนสายโลหะแบบ Interchangeable Steel Bracelet ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเปลี่ยนโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือ
สำหรับ Master Control Collection ถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1992 และถือเป็นนาฬิกาอีกคอลเล็กชั่นของ Jaeger-LeCoutre ที่ได้รับความนิยมด้วยรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยความสวยสะดุดตา และครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานอย่างครบครัน โดยตัวนาฬิกาเองได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากนาฬิกาที่ถือกำเนิดในช่วงทศวรรษที่ 1950 ซึ่งถือเป็นยุคทองของแบรนด์
 |
 |
 |
 |
ในรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับความพิเศษในเรื่องของการเพิ่มความสะดวกสบายในการสวมใส่และการเปลี่ยนบุคลิกให้กับตัวนาฬิกา โดยในรุ่นที่เป็นสายสแตนเลสสตีลของทั้ง Master Control Calendar และ Master Control Chronograph Calendar จะได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ด้วยการใช้ระบบถอดสายแบบ Interchangeable Steel Bracelet ซึ่งใช้งานง่ายและสะดวกในการถอดเปลี่ยนหรือจะสลับกับสายหนังที่มีอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ ในการถอดออกจากตัวเรือน
ทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับหน้าปัดสีเงินที่ได้รับการสร้างสรรค์อยู่บนความเรียบง่าย แต่สามารถสะท้อนถึงความประณีตและความสวยงามเมื่อมีการเล่นกับแสงที่เข้ามาส่องกระทบ ซึ่งนั่นเป็นเพราะการขัดแต่งแบบ Sunray ที่อยู่บนพื้นผิวของหน้าปัด อีกทั้งยังเพิ่มความลงตัวด้วยการจัดวางหลักชั่วโมงที่เป็นตัวเลขอาระบิกในตำแหน่งที่สำคัญ พร้อมกับเข็มนาฬิกาทรงปลายแหลมแบบ Dauphine
 |
 |
ทั้ง 2 รุ่นจะมากับหน้าต่าง 2 ชุดแสดงวันประจำสัปดาห์ และเดือน ที่อยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยจะมีหน้าปัดย่อยสำหรับแสดงข้างขึ้นข้างแรมในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งในรุ่น Master Control Chronograph Calendar จะพิเศษกว่าตรงที่หน้าปัดย่อยในส่วนนี้จะมีการแสดงวันที่ หรือ Date ด้วยการชี้ของเข็มรวมอยู่ด้วย ขณะที่รุ่น Master Control Calendar จะใช้เข็มชี้หรือ Jumping Date Hand พร้อมปลายที่เคลือบแลคเกอร์สีแดงสำหรับการชี้บอกวันที่ ซึ่งอยู่ขอบนอกของหน้าปัด
 |
 |
 |
 |
ทั้งคู่จะมากับตัวเรือนและสายที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากันที่ 40 มิลลิเมตร โดยรุ่น Master Control Calendar จะมีความหนาที่ 10.95 มิลลิเมตร และรุ่น Master Control Chronograph Calendar จะอยู่ที่ 12.05 มิลลิเมตร เมื่อพลิกด้านหลังของตัวนาฬิกา
นอกจากจะพบกับฝาหลังแบบใสที่สามารถมองเห็นโรเตอร์สีทองของกลไกแล้ว ที่บริเวณหัวสายจะมีสลักยึดสายแบบ Interchangeable Steel Bracelet วิธีใช้งานก็ไม่ยาก แค่ใช้นิ้วโป้ง และนิ้วชี้บีบสลักทั้ง 2 ตัวเข้าหากัน ก็จะสามารถถอดสายออกจากตัวเรือนได้ โดยนอกจากสายสตีลแล้ว ในรุ่นนี้ยังมีสายหนังสีน้ำตาลแบบ Novonappa พร้อมสลักแบบ Interchangeable มาให้อีกเส้นหนึ่ง
 |
 |
ในส่วนของกลไกนั้น จะแตกต่างกันออกไป สำหรับรุ่น Master Control Calendar เป็นกลไกอัตโนมัติในรหัส Calibre 866AA สามารถสำรองกำลังงานได้ 70 ชั่วโมงมาพร้อมฟังก์ชั่นแสดงเวลา วันที่ วันประจำสัปดาห์ เดือน และข้างขึ้นข้างแรม ส่วนรุ่น Master Control Chronograph Calendar จะเป็นรหัส Calibre 759 มีเพิ่มฟังก์ชั่นจับเวลาแบบ 2 วงซึ่งสามารถจับเวลาสูงสุด 30 นาที และเข็มวินาทีหลักของระบบจับเวลาจะใช้ทำงานร่วมกับสเกล Pulsation ในการวัดชีพจร และมีกำลังสำรอง 65 ชั่วโมง
 |
 |
สำหรับราคาของรุ่น Master Control Calendar จะอยู่ที่ 510,000 บาท และรุ่น Master Control Chronograph Calendar จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 610,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นจะเพิ่มระยะการรับประกันสูงสุดถึง 8 ปีในกรณีที่มีการลงทะเบียนขยายระยะเวลาในการรับประกัน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline
