หลังจากที่เปิดตัวรุ่นพิเศษ World Cup 2022 Qatar ออกมาได้ไม่นาน ในตอนนี้ ทาง Hublot เปิดตัวรุ่นธรรมดาของ Big Bang e Gen 3 ออกมาแล้ว กับตัวเรือนเซรามิกขนาด 44 มิลลิเมตรที่มีให้เลือกทั้งสีดำ และสีขาว มาพร้อมหน้าจอ 1.39 นิ้ว และแบตเตอรี่ขนาด 400 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวันและใช้เวลาชาร์จเพียง 2 ชั่วโมง
Hublot Big Bang e Gen 3 บุกตลาดด้วย 2 สีใหม่
-
การกลับมาทำตลาดอีกครั้งด้วยรุ่นปกติของ Hublot Big Bang e ที่เป็น Gen 3
-
ตัวเรือนเซรามิกมี 2 สีคือ ดำ และขาว มาพร้อมหน้าจอ 1.39 นิ้ว
-
แบตเตอรี่ขนาด 400 mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวันและใช้เวลาชาร์จเพียง 2 ชั่วโมง
หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ในตอนนี้ Hublot Big Bang e สมาร์ทวอทช์ระดับไฮเอนด์ของแบรนด์ ก็มีการเปิดตัวรุ่นที่ 3 ออกมาแล้วกับรุ่น Hublot Big Bang e Gen 3 ซึ่งแม้ว่าจะมีขนาดตัวเรือนและรูปทรงที่คล้ายกับรุ่นดั้งเดิม แต่ทว่าก็มีการปรับปรุงในส่วนของหน้าจอแสดงผลที่ช่วยทำให้ตัวนาฬิกามีความแตกต่างและเปลี่ยนไปจากรุ่นผ่านมาได้อย่างชัดเจน โดยถือเป็นคอลเล็กชั่นปกติที่อ้างอิงดีไซน์มาจากรุ่นพิเศษอย่าง World Cup 2022 Qatar ซึ่งเปิดตัวออกมาเมื่อปีที่แล้ว
Hublot กับการลุยตลาดสมาร์ทวอทช์เริ่มขึ้นในปี 2018 พร้อมกับฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในฐานะของผู้สนับสนับในด้านการจับเวลาอย่างเป็นทางการ เมื่อพวกเขาต้องรับหน้าที่ในการผลิตนาฬิกาสมาร์ทวอทช์เพื่อส่งให้กับกรรมการในสนามใช้งานทั้งเรื่องการจับเวลาและการได้รับ Notification จากกรรมการที่ 4 นอกสนาม
โดยสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้มีจำหน่ายในตลาดด้วยกับชื่อรุ่น Big Bang e จากนั้นในปี 2020 ก็มีการเปิดตัว Gen ที่ 2 ออกมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของขอบตัวเรือนที่มีสเกลสำหรับตัวเลข 1-12
สำหรับ Hublot Big Bang e Gen 3 เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 เคยเปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ภายใต้รูปทรงของ World Cup 2022 Qatar แต่ในตอนนั้นเป็นรุ่นพิเศษที่มีการผลิตจำกัด ส่วนในรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นปกติ มากับตัวเรือนที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของรุ่น Big Bang และในรุ่นนี้จะไม่มีตัวเลขบนขอบตัวเรือนแต่เปลี่ยนเป็นขีดแทนคล้ายกับเวอร์ชันฟุตบอลโลก 2022 ที่ Qatar ตัวเรือนมีขนาด 44 มิลลิเมตร ผลิตจากเซรามิกที่มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว และขอบตัวเรือนแบบไทเทเนียมที่ผ่านการขัดแต่งอย่างสวยงามทั้งแบบเงาสลับด้าน
กระจกจะเป็นแบบแซฟไฟร์ทนทานต่อการขูดขีดและด้านล่างจะเป็นหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว หรือ 35.3 มิลลิเมตรมีความละเอียดในระดับ 327 dpi พร้อมแบตเตอรี่ 400 mAh ซึ่งสามาถใช้งานได้ตลอดทั้งวันและใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม
ขณะที่พวกบรรดาเซ็นเซอร์ที่นำมาติดตั้งนั้นจะมีทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราเร่ง Heart Rate Sensor และ Gyroscope สามารถเชื่อต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งบลูทูธ 5.0, Wi-FI, NFC และ GPS Transmitter และความเปลี่ยนแปลงหลักคือ การแสดงผลหน้าจอ ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อเป็นรูปแบบเฉพาะของ Hublot Big Bang e Gen 3
ขณะที่การประมวลผลเป็นหน้าที่ของชิพ Qualcomm® Snapdragon Wear™ 4100+ พร้อมแรม 1 GB/8 GB Flash (ePOP) และใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS 3.0 by Google สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ และ iOS ที่จะต้องมีเวอร์ชัน 11 และ 15 ขึ้นไป (ตามลำดับ)
สำหรับรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดตอนนี้จะมี 2 แบบ คือ Ref. 450.CI.1100.RXกับตัวเรือนเซรามิกสีดำ และ Ref. 450.HX.1100.RX สำหรับตัวเรือนและสายสีขาว โดยราคาเท่ากันที่ 5,100 ฟรังก์สวิสส์
รายละเอียดทางเทคนิค : Hublot Big Bang e Gen 3
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 44 มิลลิเมตร
- ความหนา : 14 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน: เซรามิก
- กระจก: Sapphire
- หน้าจอ :In-Cell AMOLED
- ความละเอียด: 457×457 pixel / 327 dpi
- ชิพประมวลผล: Qualcomm® Snapdragon Wear™ 4100+
- RAM :1 GB/8GM Flash (ePOP)
- กำลังสำรอง: 1 วัน
- แบตเตอรี่: Lithium-Ion 4 Pin Pogo Charging ขนาด 400 mAh
- การกันน้ำ: 30 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline