นาฬิการะดับไม่เกิน 40,000 บาทกับสเป็กของกลไกที่เทพมากถึงขนาดสำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง และแบรนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกอะไรหลายๆ อย่าง รวมถึงไม่เคยหยุดนิ่งในแง่ของการดีไซน์ ถ้าสิ่งเหล่านี้คือความต้องการของคุณ เราคิดว่า Hamilton Khaki Pilot Day Date น่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
Hamilton Khaki Pilot Day Date ขนาดพอเหมาะ ถังพลังงานใหญ่ขึ้น
- รุ่นใหม่ปี 2018 เพิ่มความสวยและสะดุดตากับการเพิ่มสีสันบนหน้าปัด
- มาพร้อมกับ 3 ทางเลือกบนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม.
- เปลี่ยนกลไกใหม่จากรุ่นเดิมเป็น H-40 สำรองพลังงาน 80 ชั่วโมง
ในคอลเล็กชั่นของ Khaki ของ Hamilton นอกจากพวกลุยดินในตระกูล Field Watch แล้ว อีกรุ่นย่อยที่ถือว่าเด่นและน่าสนใจเห็นจะพรีไม่พ้นพวกติดปีก หรือ Aviation ซึ่งในปีนี้ถือว่ามีความสำคัญสำหรับ Hamilton ในฐานะครบรอบ 100 ปีที่พวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเป็นนาฬิกาสำหรับดูเวลาในการบินของสหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่า ถ้าคุณได้ตามความเคลื่อนไหวของพวกเขามาโดยตลอดตั้งแต่ Basel World 2018 เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็จะได้เจอกับผลผลิตใหม่ๆ ที่น่าสนใจจาก Khaki Aviation และหนึ่งในนั้นคือ Hamilton Khaki Pilot Day Date รุ่นใหม่ที่ในตอนนี้เข้ามาลุยตลาดเมืองไทยแล้ว
ปกติแล้วในกลุ่ม Khaki Aviation ในมุมของผมนั้นมักจะไม่ค่อยโดนใจในกลุ่มของ Pilot Day Date สักเท่าไร อาจจะด้วยเพราะความชอบส่วนตัวที่ผมไม่ค่อยชอบนาฬิกาแบบ 3 เข็มที่ดูเรียบๆ สักเท่าไร แต่ชอบอะไรที่มันดูแล้วเยอะๆ บนหน้าปัดเพื่อความเท่ (แต่เรื่องการใช้งานจริง ได้โปรดอย่าถาม) จนกระทั่ง เมื่อได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Interstella เมื่อปี 2014
หลายท่านคงทราบดีว่าภาพยนตร์ของ Christopher Nolan เรื่องนี้ มีนาฬิกาของ Hamilton เข้ามาเกี่ยวพันด้วยกัน 2 รุ่นโดยนอกจาก Marph Watch ซึ่งเป็นรุ่น Khaki Automatic แล้ว อีกรุ่นที่ถูกนำมาโปรโมทและหน้าตาดูดีเลยที่เดียวคือ Pilot Day Date ที่ตัวเอกซึ่งเป็นคุณพ่อของ Murph และนำแสดงโดย Matthew McConaughay สารภาพเลยว่าตอนแรกที่เห็น มันสะดุดตานะโดนใจในระดับหนึ่ง เพราะดีไซน์และรูปแบบของหน้าปัด แต่ที่ทำให้คงสถานะเอาไว้แค่ ‘เล็งๆ เอาไว้’ เท่านั้น ก็เพราะความเรียบและไร้สีสัน
แต่ 4 ปีให้หลัง ว่ากันว่า เวลาเปลี่ยนไปทำให้มุมมองของคนเปลี่ยนไปได้ แต่เชื่อเถอะว่า เปลี่ยนผมได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น เพราะส่วนตัว ผมไม่ได้ติดลบกับตัวรูปแบบและหน้าตาของนาฬิกา แต่ติดแค่ความเรียบง่ายที่มันทำให้ไม่โดดเด่น และก็ไม่รู้ว่าเสียงบ่นแบบเงียบๆ ที่อยู่ในหัวผมดันลอยออกไปให้พวกเขาได้ยินได้อย่างไร เพราะในคอลเล็กชั่นปี 2018 พวกเขาก็เติมสีสันให้ Pilot Day Date ซะ และก็ตรงใจมากๆ และประจวบเหมาะพอดีที่ทางแบรนด์ Hamilton Thailand เริ่มวางขายในบ้านเรา ทาง Ana-Digi.com ก็เลยมีโอกาสได้สัมผัสกับนาฬิกาทั้ง 3 เรือนนี้แบบเต็มๆ
ถ้าเป็นตัวเรือนเงิน Stainless Steel ทั้งสายเหล็ก (Ref. H64645131) และสายหนัง (Ref. H64645531) ก็จะเป็นพรายน้ำสีเหลืองอ่อนอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นรุ่นรมดำ PVD (Ref. H64605531) พรายน้ำก็เป็นสีเดียวกัน แต่ฟอนต์ตัวเลขที่แสดงหลักชั่วโมงที่ซ้อนอยู่ข้างในจะเป็นสีแดง ซึ่งดูแล้วไม่ว่าจะเป็นแบบไหนผมว่าลงตัวทั้งคู่ และตอนแรกสารภาพเลยว่าสะดุดกับตัวเรือน PVD สีดำ เพราะฟอนต์สีแดงนี่แหละ แต่สุดท้ายพอเพ่งนานๆ เข้า ผมกลับชอบตัวเรือนสีเงินมากกว่าก็เพราะความกลมกลืนและเรียบง่าย แต่โดดเด่น
อ้าว…ไหนตอนแรกที่ไม่ซื้อรุ่นที่เปิดตัวเมื่อปี 2014 เพราะความเรียบง่าย แล้วทำไมกลับมาเลือกรุ่นนี้เพราะความเรียบง่ายละ
ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ สีเงินกับดำ มันสุภาพก็จริงแต่เรียบเกินไป สีเหลืองอ่อนกับดำ จริงอยู่ที่เรียบง่าย แต่มีความเด่นขึ้นมานิดๆ ที่ถูกจริตผม เพราะการเข้ามาของสีเหลืองอ่อนนี่แหละ ส่วนสีดำ สีเหลืองอ่อน และสีแดง ไม่ใช่ว่าไม่สวย แต่ผมว่ามันเริ่มจะเยอะเกินไปหน่อยละ…อันนี้มุมมองส่วนตัว
สำหรับ Khaki Pilot Day Date รุ่นนี้มากับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตร และถ้าใครคิดว่ามันดูแล้วเล็กไปหน่อยในเชิงตัวเลข ผมคงต้องบอกว่าของจริงไม่เล็กนะครับ ซึ่งถ้าอ่านรีวิวผมมาหลายต่อหลายครั้งจะพบว่า สิ่งที่ทำให้นาฬิกาไซส์ 42 มิลลิเมตรดูใหญ่และเต็มข้อกว่าที่คิดคือ รูปแบบของตัวนาฬิกาแบบไม่มี Bezel ทำให้ขนาดหน้าปัดขยายออกได้จนเต็มพื้นที่ และมันก็เลยทำให้นาฬิกาดูใหญ่กว่านาฬิกาขนาดเดียวกันแต่มี Bezel
อีกจุดที่ผมค่อนข้างชอบคือ การเลือกจับคู่สีระหว่างสายหนังกับตัวนาฬิกา ซึ่งเอาเข้าจริงๆ สีเหลืองอ่อนโทนมัสตาร์ดของสายหนังถือว่าเข้ากันได้ดีกับตัวเรือนสีเงินและสอดคล้องกับสีของพรายน้ำที่แต้มบนหลักเวลาและเข็มทั้ง 3 ส่วน คุณภาพของหนังที่เอามาใช้กับสาย OEM ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีและน่าใส่และบนสายหนังจะมีการสแตมป์โลโก้ตัว H ของ Hamilton เอาไว้ที่ด้านบนของสายยาวอีกด้วย เรียกว่าไม่ต้องไปมองหาสายทดแทนจากข้างนอกอีกต่อไป นอกจากคุณอยากจะเปลี่ยนอารมณ์ให้แตกต่างมากกว่านี้
ขณะที่ตัวสายเหล็ก ส่วนตัวแม้ไม่ชอบใส่ แต่เมื่อเห็นลวดลายของสายและการขัดเงาสลับด้านที่ทำได้อย่างลงตัวบนข้อต่อต่างๆ ผมว่าดูดีเลยทีเดียว เสียอย่างเดียว เมื่อลองสวมและใส่ทั้งวันผมรู้สึกว่าน้ำหนักมันค่อนข้างเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็เชื่อว่าอีกสักพักข้อมือและความรู้สึกของผมก็น่าจะปรับตัวได้ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมว่านาฬิกาสไตล์นี้ สายหนังเหมาะที่สุด ดังนั้น สายเหล็กเลยไม่ค่อยอยู่ในสายตาเท่าไร นอกจากคุณจะจ่ายแพงกว่าแล้วถอดสายเหล็กเอาไว้ จากนั้นค่อยหาซื้อสายหนังสั่งตัดที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด เผื่อในกรณีขายกินในวันหน้า ซึ่งดูแล้วแนวโน้มสายเหล็กจะไปได้ง่ายกว่า…อย่างนี้ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด และบ่อยครั้งผมก็ชอบทำแบบนี้ซะด้วย
บนหน้าปัดถูกออกแบบใหม่โดยอ้างจากพื้นฐานของหน้า Type B ของ B-Uhr จากกองทัพอากาศเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งวงนอกจะเป็นการแสดงตัวเลขตามหลักของวินาที/นาทีในแบบ 0-60 และวงในจะเป็นการแสดงตัวเลขของส่วนชั่วโมง ซึ่งตรงนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการมองเห็นและสามารถขานเวลาได้อย่างแม่นยำขึ้น
หน้าต่าง Day และ Date มาในสไตล์ของพวกเขาเลย คือ วางตำแหน่ง Day หรือวันในสัปดาห์เอาไว้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และมีช่อง Date หรือวันที่เอาไว้ที่ 6 นาฬิกา ซึ่งขนาดของช่องถือว่าลงตัวและพอเหมาะและเสริมความเด่นด้วยการใช้โทนสีเหลืองอ่อนแบบเดียวกันมาใช้ในการตีกรอบในช่อง Day ส่วนบนหน้าปัดก็ไม่มีตัวหนังสืออะไรให้ดูรกรุงรังมากมายนอกจากคำว่า Hamilton พร้อมโลโก้ และคำว่า Khaki Automatic
ตัวเลขบนหน้าปัดถือว่าดูแล้วมีมิติไม่ได้แบนราบเป็นระนาบเดียวกับตัวหน้าปัด ส่วนวงในเว้าลึกลงไปช่วยทำให้ภาพรวมของหน้าปัดถือว่ามีลูกเล่นและสีสันที่น่าสนใจเลยทีเดียว
เข็มทรงดาบ หรือ Sword Hour/Minute Hands ของ Khaki Pilot Day Date ในแง่ของรูปทรงถือว่าสวยและเข้ากันกับภาพรวมบนหน้าปัด แต่ที่ติดอยู่อย่างเดียวคือ รูปแบบของเข็มที่มีการเจาะโปร่ง ตอนแรกเข้าใจว่าน่าจะใช้ในการช่วยมองเห็นตัวเลขที่ซ้อนอยู่วงใน แต่เอาเข้าจริงๆ พอใช้ไปแล้ว ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดมาเพื่อประโยชน์ตรงนี้สักเท่าไร มันก็เลยขัดๆ กับหลอกๆ ตายังไงพิกล
การอยู่ในเครือ Swatch Group ทำให้ Hamilton มีความได้เปรียบในแง่ของสเป็กที่เหนือกว่า แต่มีระดับราคาที่สามารถแข่งขันกันได้ ถ้าคุณเป็นคนที่เพ่งดูเฉพาะของสเป็กกลไกเหมือนกับเวลาที่จะซื้อรถยนต์แล้วดูสเป็กเครื่องยนต์ก่อน ผมคิดว่าไม่น่าจะผิดหวังกับสิ่งที่อยู่ด้านในของ Khaki Pilot Day Date ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงใหม่จาก ETA 2834-2 มาเป็นกลไกใหม่ในรหัส H-40
กลไกนี้สำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมงเหมือนกับเพื่อนร่วมแบรนด์อย่าง H-10 และ H-30 แต่เดินด้วยความถี่ในระดับ 4 Hz หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งนาฬิกาสวิสส์ราคาไม่เกิน 40,000 บาทที่ไม่ได้อยู่ในเครือ Swatch Group นั้นเรียกว่า Khaki Pilot Day Date มาพร้อมกับถังพลังงานที่ใหญ่กว่าคู่แข่งร่วมๆ เท่าตัวเลยทีเดียว
สำหรับราคาขายของ Hamilton Khaki Pilot Day Date เริ่มต้วที่ตัวสแตนเลสสายหนัง ราคา 34,300 บาท ตามด้วยสายเหล็ก 37,200 บาท และตัวรมดำ PVD แพงสุดที่ 38,000 บาท ใครที่สนใจงานนี้ต้องตัดสินใจยากสักหน่อย แต่ถ้าให้ผมเลือก คำตอบคือ รุ่น 34,300 บาท เพราะลงตัวที่สุดในความต้องการส่วนตัวของผม
รายละเอียดทางเทคนิค : Hamilton Khaki Pilot Day Date
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
ความหนา : 12 มิลลิเมตร
Lug to Lug : 48 มิลลิเมตร
ความกว้างขาสาย : 20 มิลลิเมตร
กลไก : H-40 ทับทิม 25 เม็ด
ความถี่ : 4Hz / 28,800 ครั้งต่อชั่วโม
สำรองพลังงาน : 80 ชั่วโมง
ระดับการกันน้ำ : 100 เมตร
- ประทับใจ : การให้สีในสไตล์วินเทจ / ขนาดตัวเรือนพอเหมาะ และความกว้างขาสายที่สมดุล / กลไก 80 ชั่ว
โมง - ไม่ประทับใจ : ลายโปร่งของเข็มชั่วโมง/นาที
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/