Hamilton Chrono-Matic 50 Auto Chrono : ระลึกช่วงเวลาสำคัญของกลไก Chronograph อัตโนมัติ
เวลาผ่านมาถึงครึ่งศตวรรษแล้วสำหรับระบบจับเวลา Chronograph ของกลไกอัตโนมัติ แน่นอนว่า แฮมิลตัน (Hamilton) คือหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่มีส่วนร่วมในการบุกเบิกระบบนี้ ด้วยการพัฒนากลไกที่เรียกว่า Caliber 11 ขึ้นมาภายใต้โปรเจ็กต์ The Chronomatic / Project 99 Consortium จนนำไปสู่การเปิดประตูบานใหม่ของแวดวงนาฬิกาจักรกลให้รู้จักกับระบบ Chronograph ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1969 ดังนั้นเมื่อช่วงเวลาแห่งความสำคัญได้หวนมาครบรอบที่เหมาะสมอีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นสิ่งที่ช่วยระลึกถึงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาของโครงการนี้ และ Hamilton ก็พาคุณหวนสู่ความรุ่งเรืองแห่งยุคเริ่มต้นของนาฬิกาจักรกลพร้อมระบบจับเวลา Chronograph ด้วยนาฬิการุ่นพิเศษอย่างChrono-Matic 50 Auto Chronoที่มีการผลิตขึ้นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์และรูปแบบในแง่ของดีไซน์ที่คงความคลาสสิคของต้นแบบซึ่งก็คือ Chronograph-E หรือ Count-down GMT Chrono-Matic ที่เคยเปิดตัวเมื่อ 50 ปีที่แล้วอย่างครบถ้วน
2-3 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับ Hamilton ในฐานะที่เป็นแบรนด์นาฬิกาที่เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดในการพัฒนาหลายด้าน เพราะต่อจากการฉลองช่วงเวลาพิเศษของรุ่น Intra-Matic และ Khaki Field แล้ว ในปีนี้ทาง Hamilton ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ของChrono-Matic 50 Auto Chronoที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความโดดเด่นและมีความทันสมัยสอดคล้องกับช่วงเวลาในยุคปัจจุบัน
Chrono-Matic 50 Auto Chronoมากับรูปทรงที่สวยสะดุดตาในแบบทรงถังเบียร์ หรือ Tonneau ไม่มีขาสาย ผลิตจาก Stainless Steel และตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 48.5 มิลลิเมตร พร้อมกับ Lug to Lug ขนาด 51.5 มิลลิเมตร และมีความกว้างขาสาย 22 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเต็มข้อและลงตัวอย่างมาก เพิ่มความสะดุดตาด้วยสายหนังสีดำที่มีการเจาะรูบนสายในสไตล์ Racing ที่เป็นเทรนด์ของนาฬิกาในยุคนั้น พร้อมกับเติมความลงตัวให้เข้ากับชุดสีบนหน้าปัดด้วยการรองแผ่นซับสีแดงอยู่ทางด้านใต้ของรูเหล่านั้น ซึ่งตัดกับสีดำของหนังอย่างลงตัว
งานออกแบบตัวเรือนนั้นเป็นการอ้างอิงจากนาฬิการุ่นคลาสสิคของ Hamilton อย่าง Chronograph-E หรือ Count-down GMT Chrono-Maticซึ่งเป็นนาฬิกาแบบ Chronograph ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นจับเวลาและปุ่มสำหรับหมุนเพื่อ Countdown ในการใช้จับเวลาถอยหลัง โดยในรุ่นใหม่จะมีการอ้างอิงในแง่ของการให้สีสันบนเม็ดมะยมทั้ง 5 ชุดตามสีเดิมของรุ่นคลาสสิค เช่นเดียวกับหน้าปัดที่มาในแบบ Reverse Panda และมีหน้าปัดจับเวลาแบบ 2 วง
สำหรับปุ่มที่อยู่ทางฝั่งขวาของนาฬิกาจะมีทั้งเม็ดมะยมและปุ่มกด Start/Reset ของระบบจับเวลาหลักและมีการแยกสีออกเป็นสีแดง เพื่อสร้างการจดจำและเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ส่วนฝั่งซ้ายของตัวเรือนจะเป็นปุ่มสำหรับกด Quick Set วันที่เพื่อความสะดวกในการปรับตั้งโดยจะติดตั้งอยู่ในตำแหน่ง 10 นาฬิกาและเป็นปุ่มกดสีดำ ขณะที่ปุ่มในตำแหน่ง 8 นาฬิกานั้นมีลักษณะคล้ายเม็ดมะยมและจะใช้ในการหมุนขอบสเกลที่อยู่ด้านในของตัวเรือน เพื่อช่วยในเรื่องของการจับเวลาถอยหลัง กลไกที่ใช้ในการขับเคลื่อนถือเป็นรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนามาเพื่อการใช้งานอย่างลงตัวในด้านความทนทานและความเที่ยงตรง ซึ่งกลไกในรหัส H-31 ของ Hamilton ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของกลไก ETA Valjoux 7753 ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือ The Swatch Group เช่นเดียวกับ Hamilton สำหรับกลไกชุดนี้มากับระบบจับเวลา Chronograph แบบ 2 วง สามารถจับเวลาสูงสุด 30 นาที เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง หรือ 4Hz และที่สำคัญ สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 60 ชั่วโมงเลยทีเดียว
1,972 เรือนเท่านั้นที่จะมีการผลิตออกสู่ตลาด และถือเป็นนาฬิกาอีกรุ่นที่มีความโดดเด่นทั้งดีไซน์ และความสำคัญในแง่ของเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของพัฒนาการในด้านอุตสาหกรรมนาฬิกาจักรกลอย่างแท้จริง
ข้อมูลทางเทคนิค : Hamilton Chrono-Matic 50 (H51616731)
ตัวเรือน | สแตนเลสสตีลขนาด 48.5X51.5 มม. |
หน้าปัด | หน้าปัดสีดำพร้อมที่จับเวลาสีขาว |
เข็มนาฬิกา | เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีเคลือบสารเรืองแสง Super-Luminova สีขาว และเข็มของระบบจับเวลาเคลือบสีแดง |
เครื่องกลไก | กลไกอัตโนมัติรหัส H-31 และมีกำลังลานสำรองสูงสุด 60 ชั่วโมง |
สายนาฬิกา | สายสีดำเจาะรูและลายสีแดง |
กระจก | แซฟไฟร์คริสตัลทรงกล่องพร้อมสารเคลือบป้องกันแสงสะท้อนสองชั้น |
ความสามารถในการกันน้ำ | 100 เมตร (10 บาร์) |
คุณสมบัติพิเศษ | ผลิตในจำนวนจำกัดที่ 1972 เรือนทั่วโลก |
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/