แฟนๆ ของ Geand Seiko เตรียมพบกับคอลเล็กชั่นใหม่ Elegance Collection บนตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร และกลไกใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยจะมีขายในเดือนมีนาคมนี้
Grand Seiko Elegance Collection : ชอบความบางเชิญทางนี้
-
คอลเล็กชั่นใหม่ที่เน้นตัวเรือนบางเพียง 11.6 มิลลิเมตร
-
ใช้กลไกใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในรอบ 8 ปี
-
หน้าปัดใช้เทคนิคแบบ Urushi ผสมผสานกับ Maki-e ให้ความสวยและโดดเด่น
Grand Seiko แบรนด์ระดับหรูของ Seiko เพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบนาฬิกาแนวเดรสส์แบบมีเอกลักษณ์ด้วยรุ่น Elegance Collection ที่นำเสนอความบางของตัวเรือนเพียง 11.6 มิลลิเมตร พร้อมความเรียบง่ายแต่หรูหราของหน้าปัด พร้อมกลไกใหม่ในรหัส 9S63 และ 4 ทางเลือกที่จะส่งออกทำตลาด โดยจะเริ่มจำหน่ายในเดือนมีนาคมปีนี้
ถือเป็นการสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับปี 2019 ด้วยคอลเล็กชั่นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน และดูเหมือนว่า Grand Seiko จะทำได้ดีมากในการนำเสนอความน่าตื่นตาตื่นใจของความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ที่อยู่ในตัวของนาฬิกา ซึ่งในคอลเล็กชั่น Elegance Collection มีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นคือ SBGK002 (ตัวเรือน Rose Gold หน้าปัดแดง) SBGK004 (ตัวเรือน Rose Gold หน้าปัดดำ) SBGK006 (ตัวเรือนสีเหลืองทอง หน้าปัดขาว) SBGK005 (ตัวเรือนสีเงิน หน้าปัดสีน้ำเงิน)
Elegance Collectionมากับตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มิลลิเมตร และตัวเรือนที่มีความหนาเพียง 11.6 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างบางเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ของ Grand Seiko โดยสิ่งที่เด่นคือ การใช้หน้าปัดที่ผ่านกรรมวิธีการสร้างสรรค์ลวดลายบนหน้าปัดที่เรียกว่า maki-e ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีจุดเริ่มต้นในยุค Muromachi (1336-1573) เป็นการนำผลเหล็กหรือทองมาใช้เป็นส่วนผสมในการตกแต่งบนหน้าปัด โดยตัวหน้าปัดเองมีการเคลือบแล็คเกอร์แบบ Urushi เพื่อความเงางาม ทนทาน อีกทั้งยังเป็นกรรมวิธีการสร้างสรรค์งานศิลป์ที่เก่าแก่และมีมานานของญี่ปุ่น
สำหรับหน้าปัดแบบ Maki-e จะมีอยู่ใน 2 รุ่นที่เป็น Limited Edition และใช้ตัวเรือนที่ผลิตจาก Rose Gold ซึ่งก็คือ SBGK002 และ SBGK004 ส่วนรุ่นตัวเรือนสีเงินอย่าง SBGK005 จะมากับลวดลายบนหน้าปัดที่เรียกว่า Mount Iwate
สิ่งที่น่าสนใจคือ Elegance Collectionจะเป็นนาฬิการุ่นแรกของ Grand Seiko ในรอบ 8 ปีที่มีการใช้กลไกใหม่ ซึ่งเป็นรหัส 9S63 ใช้เข็มวินาทีแยก หรือ Small Second เดินด้วยความถี่ 4 Hz หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง มีความเที่ยงตรงในระดับ +5 ถึง -3 ต่อวัน และสามารถสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง โดยบนหน้าปัดของ Grand Seiko Elegance Collection จะมีการจัดวางหน้าปัดย่อยอย่างลงตัว โดยตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะเป็นหน้าปัดของเข็มวินาทีแยก หรือ Small Second และฝั่ง 3 นาฬิกาจะเป็นมาตรวัดแสดงระดับพลังงานสำรอง
ราคาตั้งเอาไว้ที่ 29,000 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่น SBGK002 และ SBGK004 ที่ใช้ตัวเรือน Rose Gold และหน้าปัดแบบ maki-e โดยจะมีการผลิตออกมาเพียงแค่อย่างละ 150 เรือนเท่านั้น ส่วนรุ่น SBGK006 ราคา 19,000 เหรียญสหรัฐฯ และ 7,400 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่น SBGK005 ซึ่งมีการผลิต 1,500 เรือน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/