แม้จะหายหน้ากันไปบ้าง แต่ Seiko ก็คบกับ Giugiaro มานานตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 อละมาถึงตอนนี้ เมื่อคอลเล็กชั่นใหม่ๆ เตรียมออกวางขาย คุณรู้จักกับชื่อ Giugiaro มากน้อยแค่ไหน
แฟน Seiko…วันนี้คุณรู้จัก Giugiaro แล้วหรือยัง
ชื่อของ Giugiaro กลับมาเป็นที่สนใจของแฟนๆ Seiko อีกครั้ง เพราะทั้งคู่กลับมาร่วมมือในการออกนาฬิกาคอลเล็กใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องนับจากปี 2015 และว่ากันว่าในปีนี้ถือว่าฮ็อต เนื่องจากผ่านมาแค่ 4 เดือน Seiko กับ Giugiaro ออกนาฬิกามาแล้วถึง 3 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเผยโฉมให้เห็นเมื่อสิ้นเดือนเมษายน และมีคิวที่จะเริ่มขายในเดือนมิถุนายนนี้
แต่ช้าก่อน ในวันนี้เราไม่ได้มาชวนคุยในเรื่องของนาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ที่จับกลุ่มดำน้ำ เพราะเราเชื่อว่าหลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อ Giugiaro กันมาบ้าง แต่จริงๆ แล้วอาจจะไม่รู้จักเลยว่าเขาคือใคร และอาจจะมีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นเหมือนกับตอนที่ Seiko หันมาจับมือกับ PADI
จะว่าไปแล้วตรงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักออกแบบ หรือคนที่อยู่ในแวดวงของรถยนต์ เพราะชื่อของ Giugiaro โด่งดังมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ และฝากฝีมือเอาไว้หลากหลายรุ่นด้วย และบางรุ่นคนไทยได้มีโอกาสสัมผัสกันมาแล้ว ยกตัวอย่างเช่น Suzuki SX4, Daewoo Lanos, Maserati Coupe กับ Spyder รุ่นปี 2002, Alfa 156 ตัวปรับโฉม
ส่วนผลงานด้านรถยนต์ที่โด่งดังสุดๆ ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาคือ BMW M1 รุ่นปี 1977 รวมถึง Delorean DMC-12 ที่เปิดตัวในปี 1981 และเข้าฉากภาพยนตร์เรื่อง Back to the future ต้นแบบ Bugatti EB118 กับ 218 ที่เปิดตัวในปี 1998 และ 1999 นอกจากนั้นยังมีมอเตอร์ไซค์ด้วย แต่เขามีโอกาสออกแบบเพียง 4 รุ่นเท่านั้น คือ Ducatti 860GT และ Suzuki RE5 รุ่นปี 1975 รวมถึง Derbi Predator รุ่นปี 1998 และ Tomos Colibri Moped
อ่อ…เขียนมาตั้งนานจริงๆ แล้วคนรู้จักกันในชื่อ Giugiaro แต่นักออกแบบคนนี้มีชื่อว่า Giorgetto Giugiaro เป็นชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งในปัจจุบันอายุ 78 ปีแล้ว และผลงานที่สร้างชื่อในประวัติการทำงานของเขาก็อย่างที่บอกว่าคือ รถยนต์ โดย Giugiaro ผ่านการเป็นนักออกแบบมาแล้วหลายสำนักออกแบบชื่อดัง เช่น Bertone, Ghia และ Italdesign ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ Italdesign Giugiaro เมื่อปี 2010 จากนั้นในปี 2015 Giugiaro ได้ลาออกจากบริษัท และหันมาทำงานออกแบบที่ตัวเองชอบและมีความเป็นอิสระทางความคิดมากขึ้น
นอกจากรถยนต์แล้ว Giugiaro ยังรับงานออกแบบผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก ที่เด่นคือ กล้องของแบรนด์ Nikon ซึ่งมีทั้ง F3 F4 F5 และ F6 รวมถึงกล้องตระกูล D อย่าง D3 D4 และ D800 ขณะที่โลกของนาฬิกา มีเพียง Seiko เท่านั้นที่เข้ามามีส่วนร่วมกับการออกแบบ และผลงานที่โด่งดังคือ นาฬิกาในตระกูล Speed Master ที่มีทรงล้ำอนาคตและเปิดตัวออกมาในปี 1983 หรือรหัส 7A28 6000 หรือรหัส ก่อนจะมีอีกรุ่นที่ถูกเปิดตัวออกมาในรหัส 7A28 7000 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่อง Aliens ในปี 1986 ซึ่งรุ่น 6000 รู้จักกันในชื่อ Bishop เพราะถูกใส่โดยตัวละครหนึ่งในเรื่อง Aliens ที่เป็นหุ่นแอนดรอยด์ ส่วน 7000 รู้จักกันในชื่อรุ่น Ripley เพราะถูกใส่โดน Ellen Ripley นางเอกของเรื่อง
ในช่วงแรกของความร่วมมือนอกจากนาฬิกาในตระกูล Speed Master ที่มีถึง 4 แบบด้วยกันแล้ว Giugiaro ยังเจาะตลาดดำน้ำด้วย ซึ่งก็เป็นที่มาของคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวออกมา โดยนาฬิกาเกือบทุกเรือนของ Seiko ที่มี Giugiaro ออกแบบจะมีเอกลักษณ์คือ มีหน้าปัดแบบไม่สมมาตร คือ ไม่ได้วางอยู่ตรงกลาง แต่มีการเลื่อนขาสายเอียงมาทางด้านขวามือ หรือไม่ก็ซ้ายมือแล้วแต่ราน (เมื่อมองทางหน้าตรงนาฬิกา) จากนั้นก็ปิดท้ายที่นาฬิกาโครโนกราฟรุ่น Macchina Sportiva ซึ่งวางขายราวๆ ทศวรรษที่ 1990
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแยกทางกันอย่างเด็ดขาด เพราะหลังหายหน้าไปนาน Seiko กับ Giugiaro ก็กลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง และคอลเล็กชั่นที่ออกมาก็คือ การฉลองความร่วมมือครบ 30 ปีเมื่อปี 2013 ในรหัส SCED001-011 โดยเป็นการ Re-Issue จากรหัส 7A28 6000 ซึ่งเป็นนาฬิกาควอตซ์โครโนกราฟที่มีรูปทรงล้ำสมัยแบบไม่สมมาตร และได้กลายเป็นเอกลักษณ์หลักของนาฬิกาที่ Giugiaro ออกแบบให้ Seiko ซึ่งคอลเล็กชั่นใหม่ที่ผลิตออกมาใหม่นั้นเป็น Spirit Smart
จากนั้นเมื่อถึงปี 2015 กับช่วงเวลาของการครบรอบ 30 ปีในการปรากฏตัวอยู่ในฉากภาพยนตร์ Aliens ทาง Seiko ก็ผลิตคอลเล็กชั่น SECD035 หรือ Ripley Watch ออกมาขาย เพื่อเป็นการระลึกถึงรุ่นดั้งเดิม คือ 7a28-7000 และก็อยู่ในคอลเล็กชั่น Spirit Smart เช่นกัน และต่อมาก็มีการผลิตรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างเช่น Astron เวอร์ชันแรก และตามด้วยเวอร์ชันที่ 2 ที่จะเปิดตัวในปีนี้ รวมถึงล่าสุดคือ การผลิตรุ่น Rider และการ Re-Issue นาฬิกาดำน้ำ
ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ความร่วมมือของทั้ง 2 ฝั่งจะสิ้นสุดแค่นี้ หรือว่าจะมีอะไรออกมาเซอร์ไพรส์บรรดาแฟนๆ กันอีก
จำนวนการผลิต Seiko x Giugiaro Bishop Re-Issue
SCED001 500 pieces
SCED003 500 pieces – The one in the correct original ‘Bishop’ 7A28-6000 colour scheme.
SCED005 500 pieces
SCED007 500 pieces
SCED009 200 pieces – Limited edition for Tic Tac Time (Japanese watch retail chain).
SCED011 200 pieces – Limited edition for Tic Tac Time (Japanese watch retail chain).
SCED013 250 pieces – Limited edition for Beams (Japanese mens fashion clothing brand).
SCED015 250 pieces – Limited edition for Beams (Japanese mens fashion clothing brand).
SCED017 2500 pieces
SCED019 2500 pieces
SCED021 2500 pieces
SCED023 2500 pieces
SCED025 2500 pieces
SCED027 300 pieces – Limited edition for Tic Tac Time (Japanese watch retail chain).
SCED029 300 pieces – Limited edition for Tic Tac Time (Japanese watch retail chain).
SCED031 200 pieces – Limited edition for On-Time (Japanese ‘specialist’ watch retailer).
SCED033 700 pieces – Limited edition for White Mountineering (Japanese mens fashion clothing brand).
รวม : 16,900 เรือนที่ถูกผลิตขึ้นมา
จำนวนการผลิต Seiko x Giugiaro Ripley Re-Issue
SCED035 3000 pieces – The one in the correct original ‘Ripley’ 7A28-7000 colour scheme.
SCED037 3000 pieces – The all Black version (including strangely Black pusher buttons).*
SCED039 2000 pieces – Another pointless ‘Two-Tone’ (Stainless / Black) ‘limited edition’.
SCED041 2000 pieces – Another pointless ‘Two-Tone’ (Black / Stainless) ‘limited edition’.
SCED043 2000 pieces – Another pointless (Black with Bronze details) ‘limited edition’.
SCED045 300 pieces – Limited edition for TicTac Time (Japanese watch retail chain).
SCED047 300 pieces – Limited edition for TicTac Time (Japanese watch retail chain).
SCED049 300 pieces – Limited edition for Beams (Japanese mens fashion clothing brand).
SCED051 1000 pieces – Limited edition for White Mountineering (Japanese mens fashion clothing brand).
รวม : 13,900 เรือนที่ถูกผลิตขึ้นมา
1.Giorgetto Giugiaro ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตคอลเล็กชั่นสุดล้ำของ Seiko
2.คอลเล็กชั่นนาฬิกาที่ Giugiaro ร่วมออกแบบกับ Seiko ในช่วงทศวรรษที่ 1980
3.ในวาระของการฉลองครบรอบ 30 ปีของนาฬิการุ่น Ripley ทาง Seiko มีการผลิต Re-Issue ออกมาทำตลาดเมื่อปี 1986
4.แม้แต่รุ่น Astron เขาก็เข้าไปมีส่วนในการออกแบบ ซึ่งที่เห็นในภาพคือรุ่นแรกของ Astron Giugiaro ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2015
5.Rider เป็นอีกรุ่นที่ถูกเปิดตัวออกมาในปีนี้
6.Bishop Re-Issue ถือเป็นนาฬิกาอีกเรือนที่ได้รับความสนใจ
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/