การรุกครั้งใหม่ของ ฟอร์ทีส กับการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ในคอลเล็กชั่น Flieger โดยมากับรุ่น F-43 Bicomplex พร้อมกลไกจับเวลาแบบ 2 วงที่มีให้เลือกทั้งสายเหล็กและสายหนัง
Fortis Flieger F-43 Bicomplex เปิดมิติใหม่นาฬิกานักบิน
-
นาฬิกานักบินรุ่นใหม่ที่เข้ามาเสริมตลาดเป็นครั้งแรกนับจากปี 2016
-
ออกแบบอย่างลงตัวและมากับระบบจับเวลา 2 วงของกลไก UW-51
-
มีจำหน่าย 2 รุ่นคือ สายเหล็ก และสายหนัง
ฟอร์ทีส เปิดแนวรุกนาฬิกานักบินครั้งใหม่กับรุ่น Flieger F-43 บนตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตรพร้อมกลไกจับเวลาโครโนกราฟ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 นาฬิการุ่นใหม่ที่จะถูกเปิดตัวตลอดช่วง 3 เดือนนับจากนี้ โดยอีก 2 รุ่นจะเปิดตัวในวันที่ 13 ของกันยายนและตุลาคม 2020
สำหรับคอลเล็กชั่น Flieger ถือเป็นนาฬิกาในกลุ่มนักบินของแบรนด์ ฟอร์ทีส ที่มีการทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1987 และในแต่ละครั้งจะมีการเปลี่ยนโฉมอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Flieger F-43 Bicomplexถือเป็นการเปลี่ยนโฉมครั้งใหม่นับจากปี 2016 และในครั้งนี้มากับสโลแกนที่ว่า ‘This is not a pilot watch. It is a piece of time.’ ดังนั้นเราจึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับการขัดเกลารูปแบบและสไตล์ของนาฬิกาในทุกรายละเอียดเพื่อนำไปสู่ความลงตัวในทุกด้าน
ครั้งนี้ Flieger F-43 Bicomplexมากับตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มิลลิเมตรซึ่งผลิตจาก Stainless Steel ขอบตัวเรือนสามารถหมุนได้ 2 ทิศทางเพื่อทำหน้าที่ในการบอกเวลาที่ 2 ได้จากสเกล 12 นาฬิกาที่อยู่บนขอบตัวเรือน ส่วนฝาหลังเป็นแบบทึบแบบขันเกลียว และตัวนาฬิกากันน้ำได้ 200 เมตร
สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกแบบหน้าปัดที่นอกจากจะสวยงามแล้วยังสามารถรองรับกับการใช้งานได้จริง เช่น หน้าปัดย่อยตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกาจะมีเส้นสีส้มที่เรียกว่า Synchroline เพื่อบอกเวลา +/-5 วินาทีในการที่นักบินจะสามารถทราบได้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการที่ฝูงบินจะเปลี่ยนรูปแบบในการบิน หรือแนวคิดในการออกแบบที่เรียกว่า The Brixtrack ซึ่งเป็นการใช้สีสันให้มีการตัดกันบนหน้าปัดเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการมองเห็นขณะที่ใช้งาน ซึ่งไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด แต่ Fortis บอกว่าพวกเขาแค่ปรับให้มันดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นเท่านั้นเอง
อยู่ในตัวเรือนคือ กลไก UW-51 ที่ได้รับการปรับแต่งมาจาก Sellita SW500 เดินด้วยความถี่ 4Hz หรือ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง มีทับทิม 27 เม็ด และมีกำลังลานสำรองถึง 48 ชั่วโมง
นี่คือ 1 ใน 3 นาฬิการุ่นใหม่ของ Fortis ที่จะเปิดตัวในปีนี้ และรุ่นที่จำหน่ายจะมีทั้งสายเหล็กกับราคา 3,800 ยูโร และสายหนังราคา 3,350 ยูโร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/