ทิ้งระยะเพียงแค่ 2 ปี ทาง Doxa จับเอานาฬิกา SUB 200 C-Graph มาแปลงโฉมในเวอร์ชัน II ลดขนาดตัวเรือนลงในทุกมิติ หน้าปัดแบบ Sunray มีให้เลือก 6 สีและมีการขยับตำแหน่งของหน้าปัดย่อยใหม่ตามการลดขนาดของตัวเรือน พร้อมกลไกอัตโนมัติแบบจับเวลาที่ขยับกำลังสำรองเป็น 56 ชั่วโมง
Doxa SUB 200 C-Graph II ลดขนาดตัวเรือนขยับกำลังสำรอง
-
เวอร์ชันใหม่ของ SUB 200 C-Graph ที่มีการลดขนาดตัวเรือนจาก 45 มาเป็น 42 มิลลิเมตร
-
หน้าปัดมีให้เลือก 6 สีในแบบซันเรย์พร้อมการปรับเลย์เอาท์ในการจัดวางใหม่
-
มีจำหน่ายทั้งสายสแตนเลสสตีลแบบ Beads of Rice และสายยาง
เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2020 ในฐานะนาฬิกาดำน้ำแบบจับเวลา Chronograph รุ่นพื้นฐาน ในตอนนี้ Doxa จัดการปรับปรุงคอลเล็กชั่น SUB 200 C-Graph ครั้งใหม่ด้วยเวอร์ชัน II ที่มาพร้อมกับสีสันของหน้าปัดแบบใหม่ เช่นเดียวกับอินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนที่มีสเกลจับเวลาละเอียดขึ้นกว่ารุ่นเดิม และการลดขนาดตัวเรือนลง
แน่นนอว่า Doxa SUB 200 C-Graph II ไม่ได้เป็นแค่การปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์ เพราะนี่คือ การเปลี่ยนไซส์ใหม่เลย เพราะจากเดิมที่รุ่นแรกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร และหนาถึง 17.25 มิลลิเมตร แต่สำหรับรุ่นใหม่เส้นผ่านศูนย์กลางถูกลดลงมาอยู่ที่ 42 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับความหนาที่ถูกหั่นลงมาอยู่ที่ 15.85 มิลลิเมตร โดยตัวเรือนและสายยังผลิตจากสแตนเลสสตีล ซึ่งชุดสายจะมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับนาฬิกาดำน้ำที่มีกลิ่นอายของยุคทศวรรษที่ 1960 ด้วยสายข้อกลางที่เป็นแบบ Beads of Rice
ในแง่ของรายละเอียดบนหน้าปัด เช่นหน้าปัดย่อย รวมถึงชุดเข็มในส่วนต่างๆ ทั้งในระบบบอกเวลา และระบบจับเวลา แม้ดูผ่านๆ หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม แต่จริงๆ แล้วมีการปรับหลายจุด เช่น การขยับหน้าปัดย่อยทั้ง 2 วงให้ชิดกันมาขึ้น ขณะที่ชื่อรุ่นซึ่งอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกาและวางอยู่ใต้แบรนด์นั้นจะมีการเปลี่ยนมาใช้คำว่า SUB 200 C-Graph II
อินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนจากเดิมที่ใช้แบบ Sapphire ในรุ่นที่แล้ว เปลี่ยนมาเป็นขอบสตีล หรือไม่ก็เป็นอินเสิร์ตเซรามิก โดยขึ้นอยู่กับสีสันของหน้าปัด โดยในรุ่นนี้ยังมีหน้าปัดหลากหลายสีให้เลือก ซึ่งก็คือ Professional (ส้ม), Sharkhunter (ดำ), Searambler (เงิน), Caribbean (น้ำเงิน), Divingstar (เหลือง) และ Aquamarine (เทอร์ควอยซ์) โดยนจะเป็นพื้นผิวแบบซันเรย์เล่นแสงได้อย่างสวยงามตามการส่องกระทบของแสง
ในส่วนของกลไกเชื่อว่าไม่น่าจะมีความเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นกลไกอัตโนมัติจับเวลาที่อ้างอิงพื้นฐานของ Sellita ในรหัส SW-510 พร้อมกับนำมาปรับแต่งและตกแต่งโดยทาง Doxa เอง เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง พร้อมการขยับกำลังสำรองจากเดิม 48 ชั่วโมงไปเป็น 56 ชั่วโมง พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 200 เมตร
การทำตลาดของ Doxa SUB 200 C-Graph II จะเริ่มขึ้นในเดือนเมษายนนี้ โดยในตอนนี้ทาง Doxa เองเริ่มรับ Pre-Order นาฬิกาผ่านทางเว็บไซต์แล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 2,750 ฟรังก์สวิสส์ ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละแบบและแต่ละสีจะมีราคาแตกต่างกันไป แม้ว่าจะใช้สายแบบเดียวกันก็ตาม โดยรุ่นสูงสุดที่เป็นสายสแตนเลสสตีลนั้นจะเป็นหน้าปัดสีเงิน สีน้ำเงินและสีดำโดยอยู่ที่ 2,890 ฟรังก์สวิสส์
รายละเอียดทางเทคนิค : Doxa SUB 200 C-Graph II
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 42 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 46 มิลลิเมตร
- ความหนา : 15.85 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสสตีล 316L
กระจก : Sapphire ทรงยกสูง - กลไก : อัตโนมัติ จับเวลา Chronograph สูงสุด 12 ชั่วโมง ที่อ้างอิงพื้นฐานของ Sellita SW-510
- กำลังสำรอง : 56 ชั่วโมง
- ความสามารถในการกันน้ำ : 200 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline