ใครที่เคยอ่านรีวิวของผมก่อนหน้านี้อาจจะทราบดีว่าผมค่อนข้างมีใจเอนเอียงมากที่นาฬิกาในตระกูล Promaster ของ Citizen อยู่เสมอ เรียกว่าถ้าเป็นนาฬิกาตระกูลนี้ไม่ว่าจะลงน้ำ ขึ้นฟ้า หรือเดินดิน ผมค่อนข้างพิศวาสเป็นพิเศษ…เหตุผลไม่มีอะไรมาก เพราะพวกเขามักจะทำให้ข้อมือของผมดูดีเสมอ และไม่เกร่อ ซึ่งในไลน์อัพ Aqualand ที่เป็นนาฬิกากลุ่มดำน้ำก็เช่นเดียวกัน และในที่สุดผมก็สามารถหาเจ้า JV0055-00E จนได้หลังจากที่ตามหามานานแสนนาน
Citizen Aqualand JV0055-00E : มีมาตรวัดความลึกบนข้อมือคุณ
จะว่าเหมือนพูดให้เวอร์ก็ได้ เพราะที่ตาม Citizen Aqualand JV0055-00E มานานก็เนื่องมาจากรอมือสองนี่แหละ เนื่องจากเมื่อเปิดดูกระเป๋าและหันมามองสลิปบัตรเครดิตของตัวเองแล้ว
คาดว่ามือ 1 กับราคาในไทยที่นำหน้าด้วยเลข 2 และมีเลข 5 ตามหลังแถมด้วย 0 อีก 3 ตัว ผมว่ามันทารุณจิตใจไปหน่อย เมื่อเปรียบเทียบกับควานหาเอาใน eBay ที่มีราคาน่าคบกว่ากันเยอะ
ตรงนี้ก็เหมือนกับรีวิวรอบที่แล้วซึ่งผมบ่นเรื่องการตั้งราคาของ Citizen ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากขายเท่าไร แถมไลน์อัพนาฬิกาที่เอาเข้ามาเปิดตลาดก็ไม่ค่อยโดนเลยเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเมืองนอก ซึ่งมีรุ่นที่น่าสนใจเยอะมากอย่าง NaviHawk หรือ SkyHawk รุ่นใหม่ๆ
ย้อนกลับมาที่ JV0055-00E นั้น จุดเริ่มต้นของความชอบก็มาตอนที่ผมกำลังควานหาเจ้า Skyhawk Blue Angles อยู่ใน eBay เมื่อสัก 4 ปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นด้วยความที่ต้องไปให้ถึงเป้าก่อนก็เลยทำเมินๆ ลืมๆ กันไป จนสุดท้ายเมื่อปี 2015 จะกลับมาหาอีกครั้ง ตัวเลือกใน eBay ก็ลดลงอย่างน่าใจหาย แถมราคาก็ไม่เหมือนก่อน จนกระทั่งมาประจวบเหมาะเจอกันตอนที่เป็นมือสองซึ่งถูกประกาศขายในบ้านเราพร้อมกับราคาที่ตัวผมเองคิดว่าคบหาได้แม้ว่าจะมาแบบของไม่ครบก็ตาม
นาฬิกาดำน้ำในตระกูล Aqualand ของ Citizen นั้นถือว่ามีชื่อเสียงมานาน โดยเฉพาะในเรื่องของการมี Depth Meter ที่ช่วยบอกระดับความลึกได้ ทำให้ไม่ต้องคาดข้อมือพะรุงพะรังทั้งนาฬิกาดับ Dive Comp และตัวนาฬิกา ถือเป็นนาฬิกาที่เกิดมาเพื่อนักดำน้ำทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพอย่างแท้จริง
ด้วยความที่มันมีทางเลือกเยอะมาก ชนิดที่ละลานตา แต่ผมกลับมาสะดุดเอาเจ้าตระกูล JV00 ซึ่งก็มีทั้ง JV0020 / JV0030 / JV0055 ซึ่งเน้นสีสัน รูปทรงของตัวเรือนที่แปลกตาในแบบไม่สมมาตร และการใช้โมดุลรุ่นใหม่ขึ้นเป็นแบบแสดงผลทั้งหน้าจอดิจิตอล และระบบเข็ม พร้อมกับกินแสงเป็นอาหารภายใต้เทคโนโลยี Eco-Drive
การมองหามือสองทำให้คุณเลือกไม่ได้ แต่ก็โชคดีตรงที่ผมดันเจอในรุ่นที่ต้องการ ซึ่งก็คือ JV0055-00E ซึ่งตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียม ขณะที่รุ่นอื่นๆ ผลิตจากสแตนเลส ซึ่งตรงนี้สังเกตความต่างได้จากบนหน้าปัดจะมีคำว่า Titanium แปะหราอยู่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา และรุ่นนี้ก็มีขายแบบทั้งสายยางและสายเหล็กด้วย
สารภาพเลยว่าสิ่งที่ทำให้ผมรักในแรกพบก็เพราะความแปลกและไม่เหมือนใครของการดีไซน์ ซึ่งแม้ว่าใครจะบอกว่ามีสไตล์การออกแบบตัวเรือนแบบไม่สมมาตรเหมือนกับ Frogman จากค่าย Casio ก็ตาม อีกทั้งการจะวางปุ่มแบบ 4 มุมที่มีปุ่มซ้ายล่างเป็นตัวเปลี่ยน Mode และมุมซ้ายบนเป็นตัวเลือก Adjust ทำให้คนส่วนใหญ่ที่เคยผ่านการใช้งาน Casio G-Shock มาแล้วสามารถเรียนรู้การใช้งานของระบบนี้ได้ไม่ยาก
สำหรับตำแหน่ง 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกาจะมีการติดตั้ง Pressure Sensor และ Water Sensor เอาไว้ ซึ่งตัวแรกสำหรับใช้ในเรื่องของการวัดความลึก ส่วนตัวที่ 2 ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาเป็นฟังก์ชั่นที่จะว่าเยี่ยมก็เยี่ยม จะว่าน่ารำคาญก็มีเหมือนกัน เพราะระบบจะตัดการทำงาน หรือ Shortcut มาที่โหมดดำน้ำทันทีเมื่อเซ็นเซอร์สามารถสัมผัสกับน้ำ ซึ่งจะเป็นเรียนรู้ทีว่าคุณกำลังจะดำน้ำแล้ว แต่ระบบจะตัดการทำงานเข้าโหมดนี้บ่อยมาก เวลาที่ผมล้างมือแล้วน้ำกระเซ็นไปโดน
ระบบตรงนี้เป็นการทำงานของ Auto Diving Mode ซึ่งเมื่อเซ็นเซอร์จับได้ว่าคุณอยู่ในระดับความลึก 50 เซ็นติเมตร ก็จะสั่งให้อยู่ในโหมดเตรียมพร้อมทำงานทันที และจะเริ่มทำงานเมื่อผ่านความลึกระดับ 1 เมตรลงไป
แม้ว่าตัวเรือนจะมีขนาด 48 มิลลิเมตร แต่เมื่อสวมเข้ากับข้อมือแล้วถือว่าไม่ใหญ่จนเกินไป และการที่ตัวสายยางถูกทำให้เป็นข้อย่นในช่วงที่ติดกับตัวเรือน ทำให้การสวมใส่สบายและกระชับข้อมือมาก โดยมีสายต่อเพิ่มอีกเส้นสำหรับเชื่อมต่อกับการใช้งานเวลาคุณสวม Wet Suit ในการดำน้ำ ขณะที่กระจก แม้ว่ากับราคาที่นำหน้าด้วยเลข 2 เราควรจะได้ Sapphire ติดมือกลับมา แต่ในรุ่นนี้ไม่ใช่อย่างที่คิดเป็น Hardlex Crystal แต่ก็เป็นแบบที่ผลิตมาเพื่อทนต่อการขีดข่วนและแรงกระแทกในระหว่างการใช้งาน
แม้ว่าตัวเรือนจะออกแบบมาเพื่อการดำน้ำภายใต้แรงดันเทียบเท่า 200m แต่ตัว Depth Meter เองกลับวัดความลึกได้ระดับสูงสุดแค่ 100 เมตร โดยผู้ใช้งานสามารถบันทึก Log การดำน้ำของตัวเองได้มากถึง 20 Logs แสดงทั้งเวลาที่ใช้และระบบความลึกที่ลงไป พร้อมกับสามารถแจ้งเตือนระดับความลึกที่ต้องการให้นาฬิกาเตือนได้ด้วย ซึ่งการเตือนก็จะมีทั้งเสียง การแสดงข้อความบนหน้าจอ และการส่องสว่างของไฟ LED ที่อยู่ตรง 12 นาฬิกา
นอกจากนั้น ถ้ากรณีไม่อยู่ใต้น้ำ โมดุลนี้ก็จะมีฟังก์ชั่นต่างๆ คล้ายกับ G-Shock ทั้งการปรับเวลาในแบบ World Time ที่มีถึง 42 เมืองจาก 29 เขตเวลา การตั้งปลุก จะขาดก็แค่เรื่องของการจับเวลาเดินหน้าถอยหลัง เรียกว่าถ้าชอบแค่รูปทรงและไม่ได้ดำน้ำเป็นเรื่องเป็นราว นี่คือ Beater ที่ดีเรือนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ในส่วนของระบบ Eco-Drive ที่กินแสงเป็นพลังงานก็ไม่ต่างกับระบบที่อาศัยการชาร์จพลังแสงอาทิตย์แบบอื่นๆ ซึ่งแม้ว่า Citizen จะบอกว่า Eco-Drive ของตัวเองเป็นแบบ Any Light Source แต่ในระบบของผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าผ่านทางแสงสว่างในรูปแบบต่างๆ ได้ เพียงแต่จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนเท่านั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่าแสงอาทิตย์ก็ยังเป็นเบอร์ 1 ในการทำให้ถังเก็บประจุมีกระแสไฟฟ้าเต็มเร็วที่สุด และถ้าชาร์จจนเต็ม ตัวระบบสามารถเก็บเอาไว้ได้นานถึง 6 เดือนโดยที่ไม่ต้องโดนแสงก็ได้ และทาง Citizen เองก็เคลมว่านานถึง 3 ปีเมื่ออยู่ใน Power Save Mode แต่ทางที่ดีควรเอาออกมารับแสงแดดสักสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี
การแสดงผลของระดับกระแสไฟฟ้าในตัวเก็บประจุนั้น ก็จะใช้เข็มที่แสดงมาตรวัดความลึกเป็นตัวบ่งบอกในกรณีที่เป็นการใช้งานทั่วไปในระบบ Time/Date Mode ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็น 5 Levels เพื่อบอกระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ซึ่งจะสัมพันธ์กับฟังก์ชั่นการทำงานของตัวนาฬิกาเองด้วย
เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้เอาเป็นว่าถ้าความต้องการของคุณในการอยากได้นาฬิกาสักเรือน มีพื้นฐานอยู่แค่นาฬิกาที่เด่นในด้านการออกแบบ และไม่สนฟังก์ชั่นในการใช้งานสักเท่าไร Aqualand JV0055 น่าจะตอบสนองตรงนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าคิดว่าจะต้องจ่ายเงินถึงระดับ 20,000 บาทกลางๆ เพื่อนาฬิกาที่ใส่เพื่อดูแค่เวลา แต่ฟังก์ชั่นไม่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ เราก็คงต้องบอกให้คุณเมินตัวเลือกนี้ไปเลย เพราะดูแล้วยังไงก็ไม่คุ้มค่า
คุณสมบัติของ : Citizen Aqualand JV0055-00E
- เส้นผ่าศูนย์กลาง : 48 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : ไทเทเนียม
- กระจก : Hardlex Crystal
- สาย : ยางเรซิ่น 26 มิลลิเมตร
- กลไก : Eco-Drive พร้อม Depth Meter
- พลังงาน : ชาร์จจากแสงอาทิตย์ อยู่นาน 6 เดือน หรือ 3 ปีเมื่ออยู่ในโหมด PS
- ความเที่ยงตรง : +/- 15 วินาทีต่อเดือน
- กันน้ำ : 200 เมตร
- จุดเด่น : หน้าตาสวย ฟังก์ชั่นเพื่อการดำน้ำครบ
- จุดด้อย : ราคาแรง และถ้าไม่ดำน้ำก็แทบใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่นไม่ได้เลย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/