ชื่อของ Casio G-Shock การันตีในด้านความถึกอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาคิดจะลุยตลาดนาฬิกาผจญภัยด้วยรุ่น Casio Rangeman GPR-B1000-1B ความน่าสนใจจึงบังเกิดขึ้น
Casio Rangeman GPR-B1000-1B แมวถึกเพื่อนนักผจญภัย
-
Casio Rangeman GPR-B1000-1B นาฬิกา Adventure สำหรับนักผจญภัย
-
สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Application และระบัพิกัดผ่าร GPS ได้
-
บ้านเรายังไม่เปิดราคาออกมา แต่ถ้าของหิ้วตอนนี้ก็ 26,000-28,000 บาท
ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมากตอนที่ Casio ประกาศว่าพวกเขาจะบุกตลาดนาฬิกา Adventure อย่างเต็มตัวด้วยการปรับไลน์อัพ Rangeman ให้มีความทันสมัยและสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ นั่นก็เลยเป็นที่มาของเจ้าแมวใหญ่ หรือ Casio G-Shock Rangeman GPR-B1000 ซึ่งหลังจากที่เรามีโอกาสได้ลองสัมผัสแล้ว บอกได้เลยว่า เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบอยู่ในเมือง ถ้าไม่นับเรื่องของขนาดตัวที่ทำให้เกิดการคัดกรองทางกายภาพสำหรับผู้สวมใส่ไปโดยปริยาย
Casio เปิดตัว Rangeman GRP-B1000 ในช่วงปลายปีตอนที่พวกเขากำลังเดินสายโปรโมทการฉลองครบรอบ 35 ปีของ G-Shock และนำตัวต้นแบบออกแสดงที่งานฉลองในนิวยอร์กจนกลายเป็นที่มาของความสนใจของบรรดาแฟนๆ ทั่วโลก ก่อนที่จะนำเรือนจริงมาจัดแสดงที่งาน CES Show ต้นเดือนมกราคม 2018 แต่กว่าจะเริ่มขายจริงก็ต้องรอกันไปตามระเบียบ นั่นคืออีก 3 เดือนให้หลัง
ตอนที่ผมได้เจ้า GPR-B1000 ซึ่งเป็นรุ่นสายเขียวหรือ GPR-B1000-1B นั้น ทาง Casio Thailand ยังไม่ได้ตัดสินใจนำนาฬิกาเรือนนี้เข้ามาทำตลาด ทำให้ช่วง 3 เดือนหลังจากเปิดตัวที่ญี่ปุ่นถือเป็นสวรรค์ของบรรดาของหิ้ว ซึ่งก็ได้รับความนิยมแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น
ที่ผมคิดว่าแค่ระดับหนึ่งก็เพราะ นอกจากค่าตัวในระดับ 26,000-28,000 บาทแล้ว มีอยู่ 2 ปัจจัยที่ทำให้มันไม่ฮ็อตอย่างที่คิด นั่นคือ ขนาดตัวเรือนที่ใหญ่เอาเรื่อง วัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ 57.7 มิลลิเมตร แต่นั่นยังไม่น่าหนักอกเท่ากับ Lug to Lug ที่ยาวเกิน 60 มิลลิเมตร ทำให้มันล้นออกจากข้ออย่างมาก ขนาดข้อมือ 7 นิ้วที่เป็นไซส์มาตรฐานของผมยังแทบเอาไม่อยู่เลย ถึงขนาดมีคนแซวว่าแอบขโมยนาฬิกา Ben10 ของลูกมาแอบใส่หรือ
ส่วนอีกเรื่องน่าจะเป็นเพราะมันไม่ใช่ G-Shock ที่คนรัก G-Shock คุ้นเคยกัน เพราะนี่คือ G-Shock เรือนแรกที่คุณต้องมานั่งชาร์จแบตเข้าสู่ระบบ ซึ่งถ้าผ่านพวก Smart Watch ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้กับ Protrek แล้ว ตรงนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ผมมองว่าคนที่คาด Protrek บนข้อมือกับมี G-Shock บนข้อนั้นมีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นซับเซ็ตของกันและกัน
แต่ถ้าเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน ประเด็นตรงนี้กลับเป็นจุดที่ทำให้ผมชอบเจ้า Rangeman GPR-B1000-1B และค่อนข้างชื่นชมทีมพัฒนาของ G-Shock ที่นำเอาเทคโนโลยี Tough Solar ของตัวเองมาสร้างความได้เปรียบและช่วยลดข้อจำกัดของนาฬิกาประเภทนี้ ซึ่งถ้าคุณเคยอ่านสเปกของมันมาก่อนจะทราบว่าการมี Tough Solar เข้ามาช่วยนั้น ทำให้คุณไม่ต้องกังวลการมองหาปลั๊กไฟเพื่อเสียบชาร์จนาฬิกาเหมือนกับพวกแบรนด์อื่นๆ ตรงนี้แหละที่ผมค่อนข้างสงสัยอย่างมากเลยว่า ในเมื่อคุณปวารณาตัวเองเป็นนาฬิกา Adventure ที่มีฟังก์ชันสุดเทพ แต่แบตเตอรี่ในนาฬิกามีใช้งานแบบโหดๆ ได้แค่ 2 วันเท่านั้น ที่เหลือคุณต้องไปมองหาปลั๊กไฟเสียบชาร์จกันเอาเอง…เอ่อ ขอโทษนะครับ คนที่ซื้อเค้าเข้าป่ากันจริงๆ ไม่ใช่ป่าคอนกรีตนะครับ
ตรงนี้ทำให้ Casio ค่อนข้างได้เปรียบ เพราะพวกเขามีเทคโนโลยีอยู่แล้ว และการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวช่วยเติมกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลาที่มันเจอกับแสง ช่วยทำให้สามารถยืดระยะเวลาในการมองหาปลั๊กไฟเพื่อเสียบชาร์จไปได้อีกระดับหนึ่งเลย
ถ้าให้ผมเปรียบเทียบตามความถนัดของผม พวกนาฬิกา Adventure ทั่วไปคือ รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า คือ คุณชาร์จเต็มมาจากบ้าน และใช้งานไปเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากดับกลางทางก็ต้องหาปลั๊กชาร์จต่อไป แต่ถ้าแบตเตอรี่หมดเมื่อไรก็ต้องเข็นกันอย่างเดียว แต่สำหรับ Rangeman GPR-B1000-1B มันเหมือนกับรถยนต์ประเภท E-REV ที่เปรียบระบบ Tough Solar เหมือนกับเครื่องยนต์ตัวเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ใช้ยังไงก็ไม่หมด นอกจากว่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับใช้กับเครื่องยนต์มันหมด ซึ่งสิ่งที่ทำคือ แวะเข้าปั๊ม (หาแสงอาทิตย์ชาร์จเพื่อให้กลับมาทำงานอีกครั้ง) เพื่อเติมน้ำมัน
แน่นอนว่าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Tough Solar เป็นหลัก แต่ทว่าในรุ่นนี้ยังมีระบบชาร์จแบบไร้สาย หรือ Wireless Charging มาให้ด้วย โดยในการชาร์จจะใช้เวลา 5 ชั่วโมงจนเต็ม ซึ่งสามารถใช้ GPS ติดต่อกันได้นานถึง 33 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จผ่านระบบ Tough Solar นั้น เมื่อคุณยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด (ที่มีค่า Lux อยู่ที่ 50,000 Lux) นานติดต่อกัน 4 ชั่วโมงจะสามารถสร้างพลังงานให้ใช้ GPS ได้นาน 1 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณไม่เปิด GPS ใช้ และใช้แค่ระบบฟังก์ชั่นต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Wireless Charger เพราะแค่แสงอาทิตย์ก็เพียงพอสำหรับการสร้างกระแสไฟฟ้าสำหรับการใช้งานแล้ว
ส่วนตัวผมว่าตรงนี้มีความเกี่ยวพันกับการออกแบบเช่นกันและน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นาฬิกามีขนาดใหญ่จนล้นข้อ นั่นคือเรื่องของหน้าจอ LCD ของตัวนาฬิกา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ G-Shock ใช้หน้าจอแบบนี้ ขนาดหน้าจอจำเป็นต้องใหญ่ในระดับหนึ่งเพื่อความสะดวกในการมอง และเมื่อใหญ่แล้วหมายถึงการกินไฟตามมา ซึ่งเมื่อเจอกับหน้าจอประเภทนี้ที่คุณไม่สามารถพัฒนาระบบแผงโซลาร์ให้กลืนไปกับพื้นหน้าปัดเหมือนกับพวกนาฬิกามีเข็ม พวกเขาก็เลยต้องใช้พื้นที่โดยรอบในการวางแผงโซลาร์ที่จำเป็นจะต้องมีขนาดใหญ่ตามด้วยเพื่อความสามารถในการผลิตกระแสไฟที่ดีในระดับหนึ่งโดยที่ไม่ผลักภาระให้คนใช้ไปมองหาการเสียบปลั๊กแทน
เมื่อเปรียบเทียบกับ G-Shock ที่มีไซส์ใกล้เคียงกันอย่าง Frogman GWF-D1000 แล้ว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนที่เป็นหน้าปัดจริงๆ ไม่รวมตัวเรือนของ Rangeman GPR-B1000-1B ถือว่าใหญ่เอาเรื่องเลย อยู่ในระดับ 42 มิลลิเมตร หรือคิดเป็น 72% ของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวนาฬิกากันเลยทีเดียว ขณะที่ Frogman GWF-D1000 แค่ 35 มมิลลิเมตรเท่านั้น ส่วน Rangeman ตัวแรกอย่าง GW9400 นั้นแค่ 29 มิลลิเมตรเท่านั้น
ในแง่ของฟังก์ชั่นนั้น ถือว่า Casio จัดมาเต็มสำหรับให้คนออกไปผจญภัย แต่ก็ยังไม่วายมีคนถามว่าไม่มี HR หรือ Heart Rate ฟังก์ชั่นติดตั้งมาด้วยหรือ เรื่องของการ Sync กับ Application ในสมาร์ทโฟนต้องบอกว่า ทำได้ดีมาก และมีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและรูปแบบที่คนใช้ไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือก็สามารถทำได้ผ่านการดูขั้นตอนใน Application ซึ่งตรงนี้ผมถือว่าเป็นอีกจุดเด่นที่เหนือกว่านาฬิกา Adventure รุ่นอื่นๆ ที่ลูกค้าบ่นกันตรึมเรื่องความยากในการเชื่อมต่อ
ถ้าคุณมีพื้นฐานการใช้ G-Shock มาก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการใช้งาน Rangeman GPR-B1000-1B
เพราะการจัดวางปุ่มทั้ง 4 มุมนั้นเหมือนกันและมีฟังก์ชั่นที่ไม่ต่างกัน ขณะที่เม็ดมะยมอิเล็กทรอนิกส์จะทำหน้าที่คล้ายๆ กับปุ่ม i-Drive ในรถยนต์ BMW คือทำหน้าที่ในแง่ของการเลือกและกดเพื่อใช้งาน คือ คุณหมุนขึ้นหรือลงเพื่อเลือกเมนูที่ต้องการแล้วจากนั้นก็กดลงไปเพื่อเลือกใช้งาน แต่ถ้ากดค้างสัก 2.5 วินาทีก็จะเป็นการสั่งให้นาฬิกาเชื่อมต่อสัญญาณกับ GPS
อย่างไรก็ตาม เจ้าเม็ดมะยมนี่แหละที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกใจผมสักเท่าไร เพราะถึงแม้ว่าจะถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่แล้ว แต่ผมกลับมีปัญหาในการพยายามหมุนโดยที่นาฬิกายังถูกคาดบนข้อมือ ทำได้ยากและค่อนข้างลำบาก สุดท้ายต้องถอดออกจากข้อมาหมุนดีกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งผมว่าเป็นเพราะตัว Crown Guard ที่ล้อมรอบอยู่ทำให้การหมุนค่อนข้างลำบาก
ในเรื่องของฟังก์ชั่นต่างๆ นั้นผมคงมีต้องมานั่งอธิบายในเรื่องการทำงาน เพราะไม่อย่างนั้นยาวแน่ๆ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปที่เว็บดาวน์โหลดของ Casio แล้วพิมพ์เลขโมดุล 3452 ลงไป เท่านี้ก็ได้แมนนวลที่เป็น Soft File มานั่งอ่าน โดยฟังก์ชั่นหลักๆ ของตัวนาฬิกานอกจากการวัดระดับความสูง อุณหภูมิ ความกดอากาศ และเป็นเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางระบบ Triple Sensor แล้ว ก็ยังมีความสามารถในการนำทางผ่านระบบ Navigator ที่เชื่อมต่อกับ GPS และคุณสามารถบันทึก Log ของเส้นทาง การระบุตำแหน่ง สามารถแสดงเส้นทางแบบ Real-Time และสามารถบันทึกจุดพัก หรือ Point Memory พร้อมกับชุดข้อมูลอย่างละเอียด เช่น วัน/เวลา ละติจูด/ลองติจูด โดยสามารถดูได้ผ่านทาง Application
นี่คือฟังก์ชั่นหลักๆ ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผมคงไม่มีโอกาสได้ใช้งานเลย ถ้าไม่ใช่เป็นพวกที่รักการเดินทาง
สำหรับตัวสเป็กของนาฬิกาต้องบอกว่าจัดมาเต็มตามแบบฉบับ Top of the line ของ G-Shock ซึ่งมีไลน์การผลิตอยู่ที่โรงงาน Yamagata ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีทั้งกระจกหน้าแบบ Sapphire สายยางเรซินแต่ไส้ในเป็นคาร์บอนไฟเบอร์จึงมีความทนทานขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าค่อนข้างแข็งเมื่อเปรียบเทียบกับสายคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดียวกันแต่อยู่ใน Rangeman GW9400 ที่ให้ความนุ่มมือมากกว่า
คนที่อยากได้มาลองในตอนนี้ ต้องบอกว่ามีข่าวดี เพราะทาง Casio Thailand เองได้นำมาเปิดตัวในเมืองไทยแล้ว หลังจากที่มีข่าวว่าเราๆ ท่านๆ อาจจะไม่ได้สัมผัสกัน เพียงแต่ยังไม่มีการระบุราคาที่ชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วจะไปอยู่ที่เท่าไร
ข้อมูลทางเทคนิค : Casio G-Shock Rangeman GPR-B1000-1B
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 57.7 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 60.3 มิลลิเมตร
- หนา : 20.2 มิลลิเมตร
- สาย : เรซิน+คาร์บอนไฟเบอร์
- กระจก : Sapphire
- โมดุล : 3452
- ระบบพลังงาน : แสงอาทิตย์ / ชาร์จผ่าน Wireless Charger
- ประทับใจ : ความสามารถในด้านฟังก์ชั่น การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว การนำ Tough Solar มาช่วยเพิ่มการชาร์จ
- ไม่ประทับใจ : ขนาด และการหมุนปุ่มเม็ดะยม
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/