Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 ติดบลูทูธเพิ่มขีดความสามารถ

0

Casio ขยับตลาดครั้งใหม่ด้วยการเพิ่มความสามารถให้กับนาฬิกาจากคอลเล็กชั่น Mudmaster กับโมดุลที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางบลูทูธเพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงาน โดยจะจำหน่ายในรหัส Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 และในช่วงแรกทำตลาดด้วยกัน 3 สี

- Advertisement -

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 ติดบลูทูธเพิ่มขีดความสามารถ

  • รุ่นใหม่จากคอลเล็กชั่น Mudmaster

  • เพิ่มขีดความสามารถกับการใช้โมดุลเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ

  • เริ่มจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2023 กับราคา 121,000 เยน

เพื่อให้สมกับเป็นตัวลุยในภาคพื้นดินอย่างเต็มตัว ทาง Casio จัดการอัพเกรดนาฬิกาในคอลเล็กชั่น Mudmaster ด้วยเวอร์ชันเชื่อมต่อกับบลูทูธออกมาเพิ่มเป็นอีกทางเลือกโดยจะมีจำหน่าย 3 รุ่นย่อยในรหัส GWG-B1000 พร้อมกับรูปลักษณ์และรายละเอียดที่ได้รับการออกแบบใหม่จนมีความแตกต่างจาก GWG-1000/2000

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

Mudmaster ถือเป็นคอลเล็กชั่นที่ได้รับความนิยมและมีการเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 2016 ด้วยรหัส GWG-1000 ก่อนที่ในปี 2021 จะเปิดตัวรุ่น GWG-2000 ตามออกมากับตัวเรือน Carbon Core Guard ก่อนที่จะมีรุ่น GWG-B1000 ตามออกมาอย่างที่เห็น ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ถูกส่งมาเสริมตลาดสำหรับคนที่ชอบนาฬิกาบึกๆ ลุยๆ แต่มีความสามารถมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลในด้านต่างๆ

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000
Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

นาฬิกายังมากับโครงสร้างตัวเรือนแบบ Carbon Core Guard ใช้สแตนเลสสตีลในการผลิตขอบตัวเรือนด้านใน และฝาหลัง แถมในส่วนของกรอบที่อยู่ในตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกาผลิตจากสแตนเลสสตีลด้วยเช่นกันโดยมีการขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า MIM-Metal Injection Molding ซึ่งเป็นการฉีดผงโลหะเข้าไปในแม่พิมพ์ พร้อมกับเคลือบ DLC ส่วนข้างในจะมีชิ้นส่วนที่ผลิตด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Reinforced พร้อมโครงสร้างตัวเรือนที่มี Alpha Gel วางประกบทั้งด้านข้างและด้านล่างเพื่อทำหน้าที่ในการช่วยปกป้องแรงกระแทก และมีการใช้ Biomass Plastic ในการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นเรซิน โดยรุ่นที่ทำตลาดในช่วงแรกจะมีด้วยกัน 3 แบบคือ

  • GWG-B1000-1A : ตัวเรือนดำล้วน

  • GWG-B1000-1A4 : ตัวเรือนดำสายแดง

  • GWG-B1000-3A : ตัวเรือนดำสายเขียว

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

ในรุ่นนี้ตัวเรือนยังถือว่าใหญ่และบึกบึนตามสไตล์ Mudmaster ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 52.1 มิลลิเมตร และหนา 16.2 มิลลิเมตร โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ GWG-2000 แล้วตัวเรือนหนาขึ้น 0.1 มิลลิเมตร และหนักขึ้น 8 กรัมมีตัวเลขอยู่ทีค่ 114 กรัม

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

Mudmaster GWG-B1000 มีการใช้โมดุลใหม่คือ 5713 ซึ่งทำให้ตัวนาฬิกาสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผ่านทางบลูทูธได้ และสามารถใช้แอพพลิเคชั่นในการแสดงข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับนักเดินทาง เช่น การบันทึกล็อกของเส้นทาง หรือ Mission Log โดยเฉพาะฟังก์ชั่นใหม่ที่ Mudmaster รุ่นอื่นๆ ไม่มีคือ Location Indicator ซึ่งจะสามารถบันทึกและระบุพิกัดที่ผู้ใช้บันทึกเอาไว้ในระบบ ซึ่งคุณสามารถแก้ไขพิกัดหรือเส้นทางที่บันทึกได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน และสามารถใช้ในการแจ้งเตือนหรือขอความช่วยเหลือได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000 Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

ส่วนหน้าที่อื่นๆ นั้นก็ยังมีเหมือนกับรุ่นปกติ ซึ่งการมี Triple Sensors จะช่วยทำให้นาฬิกามีความสามารถเพิ่มเติมทั้งการวัดอุณหภูมิ ความสูง ความกดอากาศ และเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์

               การทำตลาดจะเริ่มในเดือนตุลาคม และมีราคาอยู่ที่ 121,000 เยน

รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-Shock Mudmaster GWG-B1000

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 52.1 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug :7 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 16.2 มิลลิเมตร
  • กระจก : Sapphire
  • โมดุล : 5713 เชื่อมต่อ Bluetooth ระบบ Triple Sensors และ Tough Solar
  • การกันน้ำ : 200 เมตร