จากความงามของแสงเหนือเมื่อมองจากอวกาศ ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการนำเทคนิคการผลิตขั้นสูงทั้ง Recrystallize และการเคลือบ IP ด้วยสีสันต่างๆ มาใช้กับการผลิตกรอบตัวเรือนและฝาหลังของนาฬิกาจนได้ Casio G-SHOCK MTG–B3000PRB Aurora Oval ออกมา ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความงดงามและความซับซ้อนของกระบวนการผลิตกรอบตัวเรือนที่ต้องบอกว่า Casio ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
Casio G-SHOCK MTG-B3000PRB Aurora Oval จากแสงเหนือบนอวกาศสู่ความงามบนข้อมือ
-
Casio นำเทคนิคการผลิตขั้นสูงมาใช้กับตัวเรือนเพื่อสร้างความสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ Aurora Oval
-
มีทั้งการใช้เทคนิค Recrystallize และการเคลือบ IP ด้วยสีสันต่างๆ เพื่อความพิเศษอย่างแท้จริง
-
ตัวนาฬิกามาพร้อมกับสายยางแบบโปร่งแสงสีม่วง และโมดุลอันยอดเยี่ยมในรหัส 5672
ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Casio G-SHOCK ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความโดดเด่นในเรื่องของการใช้วัสดุที่นอกเหนือจากเรซิน เราไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องการใช้เทคนิคขั้นสูงแบบแฮนด์คราฟต์ที่อยู่ในตระกูล MR-G เท่านั้นนะครับ แต่ยังรวมถึงนาฬิการุ่นอื่นๆ ด้วย
หลังจากที่ได้เปิดตัวซีรีส์ MTG-B3000 นวัตกรรมตัวเรือนเพรียวบางรูปแบบใหม่ไปแล้วเมื่อช่วงกลางปี 2022 ล่าสุด Gเปิดตัวรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันใหม่ล่าสุดกับ MTG-B3000PRB Aurora Oval แรงบันดาลใจจากประกายระยิบระยับของแสงออโรรา หรือแสงเหนือที่ซึ่งประกอบไปด้วยโทนสีต่างๆ มาใช้ในการออกแบบและสร้างสรรค์ความสวยงามบนตัวเรือนและสายให้กับนาฬิการุ่นนี้
ถ้าไม่นับความเป็นนาฬิกา MTG-B3000 ที่หลายคนชื่นชมว่าสวยและใส่สบายแล้ว ต้องบอกว่านาฬิกาเรือนนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจ 2 เรื่องด้วยกัน
อย่างแรกคือ การนำสตอรี่ที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ Casio G-SHOCK ทำมาสร้างสรรค์เป็นจุดเด่นของตัวนาฬิกา ประเด็นนี้เราคุ้นเคยกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาเลือกเอาเรื่องประกายระยิบระยับของแสงออโรรา หรือแสงเหนือที่สามารถมองเห็นจากอวกาศ มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์…ซึ่งส่งต่อไปยังเรื่องที่ 2 คือเทคนิคการผลิตระดับสูง
Casio G-SHOCK ทำให้เราทึ่งเสมอในเรื่องของความชำนาญและเทคนิคการผลิตที่พวกเขานำมาสร้างสรรค์กับวัสดุอย่างโลหะ เพราะแต่ไหนแต่ไร ภาพจำของคนทั่วโลกไม่เฉพาะแฟนๆ ของ G-SHOCK
เมื่อพูดถึงความชำนาญในด้านวัสดุแล้ว จะพุ่งตรงไปที่เรื่องของเรซินมากกว่า เพราะนั่นคือวัสดุที่ถือเป็นต้นกำเนิดนาฬิกา G-SHOCK ดังนั้น คำถามในเรื่องของการเอาโลหะต่างๆ มาผลิตและทำให้เกิดความสวยงามด้วยกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนนั้นเกิดข้อสงสัยแน่นอน ?
แต่เชื่อไหมว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Casio G-SHOCK แสดงให้เห็นถึงความชำนาญและความเชี่ยวชาญในการใช้วัสดุที่เป็นโลหะอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งพวกเขายังสอดแทรกด้วยกรรมวิธีผลิตที่ซับซ้อนและทันสมัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ ซึ่งใน MTG-B3000PRB ก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยการผสมผสานเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ สี และการขัดตกแต่งเข้าด้วยกัน
ต้องบอกว่าเคล็บลับแห่งความสวยงามของนาฬิกาเรือนนี้คือเทคนิคการผลิตที่มีความซับซ้อนและต้องใช้การทำงานอย่างพิถีพิถัน มีความละเอียดในทุกขั้นตอนเพื่อให้ชิ้นส่วนที่เป็นกรอบตัวเรือนและฝาหลังสามารถสร้างสีสันได้ตามที่ต้องการเรียกว่าความสวยที่เห็นกว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ในส่วนของกรอบตัวเรือนถูกเคลือบด้วยไอพีสีรุ้งผ่านกระบวนการตกผลึกและการชุบแข็งแบบชั้นลึก หรือ Recrystallize ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยผ่านกรอบตัวเรือนของรุ่นที่เป็นโลหะของเวอร์ชันฉลองครบรอบ 40 ปี Casio G-SHOCK ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้
โดยขั้นตอนแรกกรอบสเตนเลสสตีลผ่านกระบวนการตกผลึกและการชุบแข็งแบบชั้นลึกเพื่อสร้างพื้นผิวของวัสดุให้มีความแข็งและแวววาวโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นก็ทำการเคลือบ IP (ไอพี) สีรุ้งลงบนพื้นผิวตามลักษณะของแสงเหนือที่เห็นจากนอกโลก การออกแบบที่สวยงามน่าประทับใจนี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการออกแบบวัสดุ สีสัน และการขัดตกแต่ง
เรซินโปร่งแสงถูกนำมาใช้เป็นสายของนาฬิกาด้วยโทนสีม่วงเฉดใหม่นำมารังสรรค์ให้สวยงามคล้ายแสงเหนือ นอกจากนี้ กรรมมวิธีการผลิตด้วยการเคลือบไอพีสีม่วงยังถูกนำมาใช้กับตัวล็อกสาย และห่วงรัดสายเป็นการเคลือบด้วยไอพีสีน้ำตาล
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้และแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อผู้ใช้งานคือ การออกแบบระบบต่างๆ ในตัวนาฬิกาให้มีการใช้งานที่ง่ายและไม่ซับซ้อน โดยตัวสายจะมาพร้อมระบบที่สามารถถอดสายออกจากตัวเรือนได้อย่างง่าย และจะมีการติดตั้งปุ่มกดเอาไว้ที่ชิ้นส่วนบนหัวสาย เพียงกดปุ่มที่อยู่ที่ขาตัวเรือนทั้ง 2 ด้าน ก็จะสามารถเปลี่ยนสายนาฬิกาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษใดๆ
นั่นคือเบื้องหลังแห่งความสวยงามจนเป็นนาฬิกาเรือนนี้ ในขณะที่ตัวนาฬิกาเองนั้น ต้องบอกว่า MTG-B3000 เป็นนาฬิกาที่ใส่ง่าย เพราะมีขนาดตัวเรือนไม่ใหญ่มาก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 50.9 มิลลิเมตร และ Lug to Lug 51.9 มิลลิเมตร ซึ่งตัวเลขขนาดนี้สำหรับนาฬิกา G-SHOCK แล้วถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป
ด้านข้างของตัวเรือนออกแบบให้ยกขึ้นเพื่อยึดประสานกับกรอบตัวเรือนชิ้นบน เผยโฉมรูปลักษณ์โลหะภายนอกที่มีเอกลักษณ์รายละเอียดที่มีสวยงาม
โดยฝาหลังชิ้นเดียวมีความแข็งแกร่งระดับสูง ผ่านกระบวนการบีบอัดขึ้นรูป การตัด และการขัดตกแต่งซ้ำกันหลายครั้ง นอกจากนี้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใครจากการเคลือบไอพีสีรุ้งบนพื้นผิวของวัสดุ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการผลิตแม้แต่ชิ้นส่วนที่อยู่แนบกับข้อมือและมองไม่เห็นในเวลาที่มีการสวมใส่
สำหรับแฟน G-SHOCK แล้ว ต้องบอกว่านี่คือ นาฬิกาอีกรุ่นที่มองข้ามไม่ได้ เพราะนอกจากใช้รุ่นยอดนิยมในการผลิตแล้ว ขั้นตอนและกระบวนการในการสร้างสรรค์ของตัวเรือนถือว่ามีความพิเศษและซับซ้อนชนิดที่เรียกว่าทำให้นาฬิกาเรือนนี้ไม่ธรรมดาเลย
เข่นเดียวกับ Casio G–Shock MTG–B3000 Series นาฬิการุ่นนี้ใช้โมดุลในรหัส 5672 แบบ Multiband6 สามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ โดยเมื่อชาร์จจนเต็มและอยู่ในโหมด PS หรือ Power Saving อยู่ในที่มืดและไม่โดนแสง จะสามารถอยู่ได้นาน 18 เดือน
ส่วนการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ยังทำได้เหมือนเดิม และสามารถสั่งงานผ่านทางแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเวลาตามเขตเวลาที่ครอบคลุม 300 เมืองทั่วโลก การตั้งปลุก 5 ครั้งต่อวัน หรือการจับเวลาเดินหน้า-ถอยหลัง
กับราคา 53,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นธรรมดาของ MTG-B3000 ซึ่งต่างกันไม่มากแล้วถือว่าคุ้มค่ามากกับความพิเศษที่จะได้รับจากนาฬิกาเรือนนี้
รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-SHOCK MTG–B3000PRB Aurora Oval
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 50.9 มิลลิเมตร
- Lug to Lug: 51.9 มิลลิเมตร
- ความหนา: 12.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 148 กรัม
- โมดุล: 5672 Multiband 6 Tough Solar
- การกันน้ำ: 200 เมตร
- ประทับใจ : เทคนิคการผลิตบนตัวเรือนที่มีความซับซ้อนและสวยงาม และคอนเซ็ปต์ของตัวนาฬิกา
- ไม่ประทับใจ : ไม่มี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline