Casio G-shock GW200Z-1DR : รุ่นสุดท้ายของกบ 200 Series

0

Frogman ในตระกูล GW200 เป็นกบที่โอเคในเรื่องของขนาดในการใช้งาน และถ้าจะให้เลือกรุ่นย่อยๆ จากซีรีส์นี้ติดกรุเอาไว้สักเรือน เราขอเลือกเจ้านี่ก็แล้วกัน…GW200Z-1DR หรือ Final Frog

Casio G-shock GW200Z-1DR : รุ่นสุดท้ายของกบ 200 Series
Casio G-shock GW200Z-1DR : รุ่นสุดท้ายของกบ 200 Series

Casio G-shock GW200Z-1DR : รุ่นสุดท้ายของกบ 200 Series

- Advertisement -

ถ้าถามผมว่า สมมุตินะสมมุติถ้าให้เลือก Casio G-Shock Frogman เจนเนอเรชั่นที่ 3 หรือรหัส GW200 ที่น่าเก็บและน่าสะสมเพียงเรือนเดียวในกรุ จะเลือกเรือนไหน ผมคงต้องถามกลับก่อนว่าคำถามนี้เกี่ยวเนื่องกับงบประมาณหรือไม่…ถ้าไม่ คำตอบคือ GW204K หรือ Sperm Whale ซึ่งเมื่อก่อนไม่แพง ระดับหมื่นต้นๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของแบบครบกล่องได้ แต่ถ้าตอนนี้เข้าขั้นแพงฉิกหาย (แต่ก็ไม่ถึงกับแพงที่สุดในรุ่น) แต่ถ้าเกี่ยวพันกับงบประมาณ โดยระบุว่าอยู่ในวงเงินหมื่นต้นๆ คำตอบของผมคงเป็นเรือนนี้แหละ Final Frog หรือ GW200Z

เหตุผลหนะหรือ…เอาเป็นว่าผมขอเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของเรื่องนะครับ

ข้อแรก ผมไม่ชอบนาฬิกาแบบเงาๆ มันๆ เพราะฉะนั้นรุ่นที่ใกล้เคียงวงเงินนี้อย่าง GW200MS ตัดทิ้งไปได้เลย

ข้อที่สอง ราคาหมื่นต้นๆ กับ Frogman ในซีรีส์ GW200 หาให้ตายก็มีเหลือไม่กี่ทางเลือกหรอก เพราะเดี๋ยวนี้ราคามันโดนดันขึ้นไปจนหมด หรือถ้ามีก็สภาพไม่สวย หรือไม่ก็ประเภทนานๆ โผล่มาที ถ้าขืนเอามารีวิว คุณทั้งหลายคงสวดผมยับแน่นอน เพราะว่าจะมายั่วให้อยากแล้วหาซื้อของไม่ได้ทำไมกัน

ข้อสาม ในราคานี้คุณได้รุ่นพิเศษที่เป็นของพิเศษจริงๆ เพราะนี่คือ Final Frog หรือกบรุ่นสุดท้ายของสายพันธุ์ GW200 เรียกว่าประหยัด แต่มีสตอร์รี่ติดมานิดหน่อย

ข้อสี่และสุดท้าย ช่วงอายุของกบ GW200 ยาวร่วม 10 ปี และยิ่งเป็น G-Shock ด้วย ผมคงไม่ต้องมานั่งบอกว่า คุณจะต้องเสี่ยงอะไรบ้างในเรื่องของกรอบและสาย (และอาจจะรวมถึง Module) ผมไม่ใช่คนที่สะสมแบบจริงจังชนิดนั่งดูเพียงอย่างเดียวก็ชื่นใจ แต่เน้นใส่และใช้งานด้วย ดังนั้น ถ้าต้องเลือก 1 เรือนที่มีปัจจัยทางกายภาพร้อยแปดประการเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คงต้องเลือกรุ่นที่ใหม่ที่สุดเท่าที่จะเอื้อได้ ซึ่ง GW200Z เปิดตัวขายปี 2009 ผ่านมาตอนนี้ก็แค่ 8 ปี ยังดีกว่าตามหารุ่นแรกของสายพันธุ์นี้ที่มีอายุ 17 ปี

เอาละ…นั่นคือเหตุผลที่ GW200Z กลับมาอยู่ในกรุของผมเป็นรอบที่ ….. 4

ถ้าตามอ่านรีวิวของผมมาตั้งแต่สมัยบอร์ด watch2home.com จะพบว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบ Frogman รุ่นที่ 3 หรือ GW200 มาก เพราะความลงตัวในด้านดีไซน์ และความทันสมัยที่หันมาใช้โมดุล 2422 แบบมี Tough Solar หรือชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของ Frogman ที่ใช้ระบบนี้

ส่วนตัว W ที่ติดมากับรหัสรุ่นที่แม้จะหมายถึงระบบ Wave Ceptor หรือพวกซิงค์เวลาผ่านทางสัญญาณวิทยุ แต่กับ Frogman รุ่นนี้มันเป็นข้อยกเว้น และก็ไม่ได้มีระบบพวก Wave Ceptor หรือ Multiband ติดมาด้วย ซึ่งไม่มีผลอะไรอยู่แล้วสำหรับคนไทย

ในชีวิตผมได้สัมผัส GW200 รุ่นแรกก็เป็นรหัส MS ซึ่งยอมรับว่าประทับใจมากในการสวมใส่ยกเว้นเรื่องที่กรอบและสายเป็นแบบดำเงา มันเลยดูแปลกๆ แต่ตรงนั้นเองกลายเป็นตัวจุดประกายจนเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างฟาร์มกบแบบย่อมๆ ของตัวเอง และส่วนใหญ่ในกรุก็จะเป็น GW200 ซึ่งเมื่อก่อน Final Frog ก็คือหนึ่งในนั้น

ส่วนเรื่องที่บอกว่าทำไมมันเข้าๆ ออกๆ ในกรุผมบ่อยก็เป็นเพราะด้วยความที่ยังหาง่ายในยุคเมื่อสัก 7 ปีที่แล้ว แล้วราคาไม่แพง เอาแบบของครบมือสองมี 6,000-7,000 บาท มันก็เลยเป็นเรื่องง่ายที่จะปล่อยออกไปเพื่อเอาเงินไปซื้อเรือนอื่น แล้วถ้าอยากได้ก็ค่อยตามหาเอาทีหลังก็ได้…และในปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่มันไม่ใช่ราคานี้แล้ว เอาแบบสภาพดีๆ ของครบๆ ต้องมีสัก 10,000-12,000 บาทสำหรับของมือสอง

อย่างที่บอก Final Frog เป็นรุ่นย่อยสุดท้ายที่ผลิตออกมาสำหรับรหัสตัวถัง GW200 โดยมากับรหัส GW200Z-1DR พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างจากรุ่นปกติ เช่น การเลือกใช้ฟอนต์สีแดงสลับเหลือง เหมือนกับ DW6300 ซึ่งเป็น Frogman รุ่นแรกที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อปี 1993 ซึ่งตรงนี้ทำให้ตัวนาฬิกาดูมีเรื่องราว และมีความคลาสสิค โดยที่ได้ความสดและการเป็นรุ่นใหม่

นอกจากนั้นอีกสิ่งที่แตกต่างจากกบรุ่นธรรมดา หรือเวอร์ชันพิเศษบางรุ่นคือ โลโก้ตรงฝาหลังก็มีการเปลี่ยนแปลงตรงที่เป็นฟองอากาศ จากเดิมเป็น 000 ก็เปลี่ยนเป็น 200 แม้ตอนสวมจะไม่เห็น แต่ก็ได้คุณค่าทางจิตใจไม่มากก็น้อย

สำหรับโมดุลที่ใช้ใน GW200Z ก็เหมือนกับเพื่อนร่วมซีรีส์รุ่นอื่นๆ คือ รหัส 2422 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Casio นำโมดุลแบบกินแสงมาใช้เป็นครั้งแรก แม้ว่าก่อนหน้านี้ในช่วงรอยต่อระหว่างรุ่น DW9900 กับ GW200 จะมีการเปิดตัวรุ่น GW201 ออกมา แต่ก็เป็นการใช้กรอบของ GW200 แต่โมดุลยังเป็นแบบกินถ่านของ DW9900

เมื่อเปรียบเทียบกับกบรุ่นใหม่ๆ ที่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะพองน้ำขึ้นเรื่อยๆ ต้องบอกว่า GW200 มีขนาดที่พอเหมาะกับข้อมือ เรียกว่าคนที่มีข้อเล็กในระดับ 6-6.5 นิ้วก็สามารถใส่ได้ แถมการที่ฝาหลังและตัวเรือนข้างในผลิตจากไทเทเนียมทำให้มีน้ำหนักเบา ไม่เป็นภาระข้อมูล ซึ่งเมื่อก่อนผมเคยเอาขึ้นชั่งแต่เป็นรุ่น MS ก็ได้ราวๆ 82 กรัม

สำหรับโมดุล เท่าที่มีประสบการณ์ใช้งานกับ 2422 มานานหลายปี ถือเป็นโมดุลที่ไว้ใจได้ ไม่งอแง มีระบบ PS สำหรับปรับให้หลับเพื่อยืดอายุของการกินพลังงาน ส่วนฟังก์ชั่นในการใช้ดำน้ำก็มีครบทั้งเรื่องของการระบุข้อมูลคนใส่ทั้งหมายเลข Passport และกรุ๊ปเลือดเพื่อป้องกันเกิดไปดำน้ำต่างแดนแล้วเกิดอุบัติเหตุจะได้มีข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงเวลาของ 10 ที่หมายเด่นๆ ของโลกในการดำน้ำ ซึ่งคุณสามารถเลือกหรือเปลี่ยนชื่อที่หมายเหล่านี้ได้ตามความต้องการ ในส่วนของ Dive Mode ก็จะมีพื้นที่ให้บันทึกด Log การดำน้ำได้

แต่สิ่งเดียวที่ผมเสียดาย ไม่ใช่เรื่องของโมดุลที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะทาง แต่เป็นเรื่องที่เวลากดไฟแล้วมันดันไม่มีอะไรแปลกใหม่โผล่ออกมา อย่างโลโก้กบดำน้ำสักหน่อยก็ยังดี แต่นี่เหมือนกับ Frogman รุ่นทั่วไปที่มีแต่แสงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วเชื่อเถอะ คนซื้อมาใส่แทบไม่มีโอกาสได้ใช้ฟังก์ชั่นเหล่านี้เลย และผมว่าตรงนี้แหล่ะที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า ‘แล้วเราจะจ่ายแพงไปเพื่ออะไร ?’

Passion คือ คำตอบที่ผมอยากจะพูด เพราะจริงๆ แล้ว เอาในแง่ของความคุ้มค่า Module 2422 ของกบ GW200 ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตประจำวันได้น้อยมาก นอกจากดูเวลาแล้ว ก็มีแค่การตั้งปลุกและจับเวลาเดินหน้า และถอยหลังแล้ว อย่างอื่นๆ ก็ไม่มีแล้ว ขนาด World Time คุณยังต้องตั้งกันเอาเองเลย ไม่เหมือนกับโมดุลอื่นๆ ที่มีพวกนี้มาให้ด้วย เพราะทรัพยการส่วนใหญ่ทุ่มเทไปให้กับการเป็นเครื่องมือสำหรับติดอยู่บนข้อมือของนักดำน้ำ

แต่ก็เอาเข้าจริงๆ นะ เดี๋ยวนี้หน้าที่ของนาฬิกาคืออะไร ผมยังไม่อยากจะสรุปเลย ถ้าให้คิด ตอนนี้ มันแทบจะกลายเป็นเครื่องประดับกับอุปกรณ์ในการทำให้คนที่ไม่รู้จักกันสามารถรู้จักกันได้ และนั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ตั้งนานสองนาน ส่วนเรื่องของการดูเวลานะหรือ … มันเป็นหน้าที่ของมือถือไปตั้งนานแล้ว

คุณสมบัติของ : Casio G-shock GW200Z-1DR

  • เส้นผ่าศูนย์กลาง : 49.6 มิลลิเมตร
  • Lug-to-Lug : 52 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 17.7 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 82.2 กรัม
  • ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
  • โมดุล : 2422 ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ Tough Solar บันทึก Log ในการดำน้ำ และข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นของผู้ใช้งาน
  • จุดเด่น : ขนาดกำลังดีเหมาะทั้งข้อมือเล็กและใหญ่ น้ำหนักไม่เยอะ
  • จุดด้อย : ฟังก์ชั่นที่เหมาะกับนักดำน้ำ แต่ไม่เหมาะกับคนปกติ