Casio G-Shock Gulfmaster GWN-Q1000-7A เทพผู้อาภัพ

0

แม้ว่าฟังก์ชั่นจะเทพมากจากการรวมเซ็นเซอร์เอาไว้ถึง 4 ตัว แต่ดูเหมือนว่าด้วยชื่อชั้นที่ยังไม่คลาสสิค และราคาที่เบียดกับพวก Frogman และ GravityMaster ก็เลยทำให้ Casio G-Shock Gulfmaster GWN-Q1000-7A กลายเป็นเทพผู้อาภัพ และถูกเมินอยู่ตลอดเวลา

Casio G-Shock Gulfmaster GWN-Q1000-7A เทพผู้อาภัพ
Casio G-Shock Gulfmaster GWN-Q1000-7A เทพผู้อาภัพ

Casio G-Shock Gulfmaster GWN-Q1000-7A เทพผู้อาภัพ

  • จัดเต็มด้วยฟังก์ชั่นครบจากเซ็นเซอร์ 4 ตัว รวมถึง Depth Meter
  • หน้าตาสวยและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 57.1 มิลลิเมตร
  • ราคาป้าย 39,900 บาทถือว่าแรงเอาเรื่องเมื่อดูแค่ชื่อชั้น
- Advertisement -

ในบรรดานาฬิกาในกลุ่ม Master of G ของ Casio G-Shock ผมมีความรู้สึกว่าคอลเล็กชั่น Gulfmaster หรือที่เมื่อก่อนเรียกกันว่า Gulfman เป็นอะไรที่อาภัพสุดๆ พวกมันมักจะถูกพูดถึงน้อยที่สุด และได้รับความสนใจจากแฟนๆ G-Shock น้อยที่สุดเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่ามรดกตรงนี้จะถูกส่งต่อมาจนถึงรุ่นเทพอย่าง Casio G-Shock Gulfmaster GWN-Q1000-7A ด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นนาฬิกาที่ครบเครื่องสุดๆ แต่ความนิยมกลับตรงกันข้าม และผมได้นาฬิกาเรือนนี้มาในราคาลด 50% ตอนช่วงที่ Casio Thailand เซลส์กระหน่ำ…ไม่อยากจะเชื่อ

สารภาพเลยว่าถ้าไม่มีคำว่า 50% Off ผมก็คงได้แต่มองนาฬิการุ่นนี้ เพราะสารภาพ (อีกครั้ง) ว่า ตัวเองไม่ได้พิสมัยกับคอลเล็กชั่น Gulfmaster อยู่แล้วไม่ว่าจะอยู่ในซีรีส์ไหนก็ตาม อาจจะเป็นเพราะถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ผมจะนึกถึง Frogman ก่อนเสมอ ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ G-Shock ไม่ได้สนใจคอลเล็กชั่นนี้มาก เพราะความทับซ้อนกันแม้ว่าฟังก์ชั่นในการใช้งานจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม

สำหรับรุ่นใหม่นี้ที่ว่ากันว่ามากับระบบ Quad-Sensor นั้น ผมว่ามันก็สวยดีนะ แต่ติดอย่างเดียวคือ ราคาป้ายแบบไม่หักส่วนลดนี่เล่นเอาตายเลย เฉียด 39,900 บาท ซึ่งเมื่อไต่มาถึงตรงนี้แล้ว Frogman มักจะเป็นตัวเลือกแรกของผม (หรือใครหลายคน) ตามด้วยGravitymaster ส่วน GWN-Q1000 บอกเลยว่าไม่ติดอยู่ในอันดับเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างว่าละครับ 50% Off เป็นคำที่ใช้ได้ดีเสมอกับทุกยุคทุกสมัย ไม่เว้นเพศและวัยด้วย

GWN-Q1000 เป็นคอลเล็กชั่นสูงสุดของนาฬิกาตระกูล Gulmaster ที่มีรุ่น GN1000 และ GWN-1000 เป็น 2 รุ่นที่ทำตลากอยู่ และ GWN-Q1000 เพิ่งเปิดรัวออกมาในช่วงปลายปี 2016 ด้วยหน้าตาที่ดูแล้วคล้ายกัน แต่มีความพิเศษเหนือกว่าเยอะ และเรียกว่าเป็นการผสมผสานระหว่าง Frogman ตัวใหม่ กับ Rangeman หรือ Gulfmaster ตัว GWN1000 เข้าด้วยกัน เพราะสิ่งที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาคือ มันมี Depth Meter ติดตั้งมาให้ด้วย นอกเหนือจากฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Altimeter, Barometer และ Temperature รวมถึง Electric Compass เรียกว่าเป็น G-Shock รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบ Quad-Sensor

เอาเป็นว่าแค่เรือนนี้เรือนเดียว คุณลุยได้ทุกถิ่นเลย เพราะเหมือนกับมี Protrek และ Frogman GWF-D1000 อยู่บนข้อมือ

ในแง่ของการออกแบบนั้น ต้องบอกว่าจากการที่มันเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่น Gulfmaster นั้น ทำให้ GWN-Q1000 ได้รับอิทธิพลและสไตล์มนจากนาฬิการุ่นน้องที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ และดูเหมือนว่าสีเทา-สลับ Bezel น้ำเงินในรหัส GWN-Q1000-7A จะเป็นอะไรที่ฮ็อตสุดๆ (แต่ดันขายไม่ดี) เพราะมีผลิตขายในทั้ง 3 รุ่นย่อยเลย และส่วนหนึ่งที่ทำให้ขายไม่ค่อยออก ผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะสีเทานี่แหละ เพราะมันดูแลยากพอๆ กับสีขาว

สิ่งแรกที่ผมขอแนะนำให้กับคนที่ได้เจ้านี่มาอยู่ในครอบครองคือ การไปโหลดแมนนวลโมดุลรกัส 5477 ของ GWN-Q1000 มานั่งอ่านเสีย เพราะรายละเอียดของฟังก์ชั่นการทำงานที้มีออยู่ในนาฬิกาเรือนนี้นั้นมันเยอะมาก และที่สำคัญคือ จะต้องใช้ขอบ Bezel ร่วมในการทำงานเพื่ออ่านค่าที่ได้ด้วย ดังนั้น ถ้าอยากจะใช้ให้เป็น ก็จงนั่งอ่านเสีย เพราะมันไม่ใช่ของง่ายๆ เลย

บนหน้าปัดของตัวนาฬิกาจะมีอยู่ 3 ส่วนหลักของการแสดงค่า คือ หน้าจอดิจิตอลที่ถูกย้ายไปอยู่ด้านบนในการแสดงค่าในแบบดิจิตอล และกราฟสำหรับการดูความกดอากาศ ส่วนที่ 2 คือเข็มหลักในการแสดงเวลา และส่วนที่ 3 คือ หน้าปัดย่อยตรงตำแหน่ง 4-5 นาฬิกาสำหรับแสดงระดับความกดอากาศ คล้ายๆ กับการแจ้งเตือนกลายๆ ในกรณีที่ความกดอากาศลดลงอย่างฮวบฮวบ ซึ่งอาจจะหมายถึงฝนตกหรือพายุเข้า ซึ่งผู้ใช้งานจำเป็นต้องเรียนรู้และรับทราบถึงสัญญลักษณ์เหล่านี้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้างพร้อมกับทำหน้าที่บอกถึงระดับน้ำขึ้นน้ำลงไปด้วยในตัว โดยตรงส่วนนี้จะมีมอเตอร์ไฟฟ้า 2  ชุดทำงานร่วมกันในการขบเคลื่อนชุดเข็มซึ่งจะมีการดีดกลับไปมา (Retrograde) ตามการแสดงค่า

อีกสิ่งที่น่าสนใจและทาง Casio ไม่เคยนำเสนอออกมาคือ ตัวเรือนของ GWN-Q1000 ได้รับการขึ้นรูปด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความทนทานต่อการบิดตัวสูง และตามจุดต่างๆ ของตัวเรือนมีการติดตั้ง O-Ring ชนิดพิเศษเพื่อลดความเสี่ยงต่อการรั่วซึมในระหว่างการใช้งานเมื่ออยู่ในน้ำ แถมด้วยกระจกแบบ Sapphire พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง

ในส่วนของ Depth Meter นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับระบบที่ติดตั้งอยู่ใน Frogman GWF-Q1000 แล้ว ความสามารถจะลดลงเล็กน้อย โดยสามารถแสดงค่าความลึกสุดอยู่แค่ 50 เมตร (สามารถปรับตัวเลขค่าจากเมตรมาเป็นฟุตได้) ขณะที่ของ Frogman นั้นแสดงได้ถึงระดับ 80 เมตร แต่ทั้งคู่ก็สามารถเซฟข้อมูลระดับความลึกเอาไว้ได้สำหรับใช้ในการอ้างอิงในครั้งต่อไป ซึ่งตัวเลขในการแสดงระดับความลึกและระยะเวลาในการดำน้ำครั้งนั้น (จับเวลาได้ 59 นาที) นั้นดูได้จากส่วนหน้าจอดิจิตอล

สำหรับการใช้งานในแต่ละฟังก์ชั่นก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่กดปุ่มในตำแหน่ง 4 นาฬิกา เพื่อไล่โหมดต่างๆ ที่คุณต้องการใช้งาน เช่น DEPTH (วัดความลึก) TEMP (วัดอุณหภูมิ) BARO (วัดความกดอากาศ) COMP (เข็มทิศ) และ ALTI )วัดความสูง) แค่นี้ก็สามารถเข้าไปใช้ในฟังก์ชั่นต่างได้แล้ว ส่วนเรื่องการแสดงผล การวัดค่า และการอ่านค่าทั้งหลาย อาจจะต้องรบกวนให้ไปอ่านในคู่มือเอาเอง เพราะถ้าให้อธิบาย คงต้องถามว่ามีเวลาว่างกี่วัน

แน่นอนว่าคุณอาจจะอยากถามผมว่าเพียงแค่คำว่า 50% OFF ผมถึงกับใจง่ายยอมเสียงเงินเลยทันทีหรือ ? คำตอบคือ คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกถ้าไม่มีใจให้กับอะไรบางอย่าง สารภาพครับผมค่อนข้างชอบหน้าตาและการจัดเรียงเลย์เอาท์บนหน้าปัดของ GWN-Q1000 มาก โดยเฉพาะการย้ายตำแหน่งหน้าจอดิจิตอลจากเดิมที่อยู่ข้างล่าง มาวางเอาไว้ด้านบน การใช้สีส้มสลับกับน้ำเงิน บนหน้าปัด มีความลงตัวอย่างมากในแง่ของความโดดเด่นในการแสดงสเกลต่างๆ การออกแบบหน้าปัดที่เรียบๆ ไม่รกรุงรังด้วยตัวหนังสือตามแบบฉบับของ Casio G-Shock และบนหน้าปัดมีแค่คำว่า Gulfmaster และ Quad Sensor  ส่วนที่เหลืออย่าง Tough Solar หรือ Multiband 6 ไม่มีโผล่มาให้รก แต่ก็ถูกสลักเอาไว้บนฝาหลังเผื่อใครสงสัยว่ารุ่นนี้มีระบบพวกนี้หรือไม่

นอกจากนั้นอีกสิ่งที่ผมชอบมากตั้งแต่รุ่น GWN-1000 คือ ขนาดตัวเรือนที่พอเหมาะ ไม่ใหญ่โอเวอร์จนเกินไป ซึ่งสำหรับ GWN-Q1000 นั้น มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 57.3 มิลลิเมตร  Lug-to-Lug 48 มิลลิเมตร และหนา 17 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวเรือนก็แค่ 113 กรัมเท่านั้น ดังนั้น โอกาสล้นข้อเหมือนกับ G-Shock รุ่นอื่นๆ ก็เลยน้อยลง

สำหรับจุดด้อยที่ยังไงผมก็ยังไม่ประทับใจจาก Casio G-Shock จนถึงตอนนี้คือ การใช้ตัวรัดสายแบบเหล็ก ซึ่งนอกจากจะเสียงดังเวลาถอดนาฬิกาแล้วถือไปมาแล้ว การทำหน้าที่ตามแบบที่มันควรจะเป็นคือ รัดสายเอาไว้นั้น กลับทำได้ไม่ดี และหลายต่อหลายครั้งตัวมันเองก็ต้องรูดลงไปกองอยู่ที่ข้างล่างตามหลักแรงโน้มถ่วงอยู่เสมอ อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักที่เยอะบวกกับการต้องเผื่อช่องว่างให้สายได้สอดเข้าไป มันก็เลยทำให้มีช่องว่างเหลือ และตัวรัดสายมักจะรูดลงไปกองด้านล่าง

ในช่วงแรกอาจจะดูเหมือนว่า Casio จะไม่ค่อยเน้นทำตลาดให้กับรุ่นนี้ เราเลยได้เห็น GWN-Q1000 ออกสู่ตลาดเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น แต่ในช่วงปลายปี 2017 ดูเหมือนว่าจะมีสีใหม่ๆ ถูกส่งออกมาทำตลาดมากขึ้น เช่นเดียวกับรุ่นที่มีสายเรซินแข็งสลับกับสแตนเลสสตีล เช่นเดียวกับรุ่นพิเศษ  All As One

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายผมก็เชื่อว่าประเด็นที่จะทำคอลเล็กชั้นนี้อยู่ในจุดสนใจได้หรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับป้าย 50% OFF ว่าจะถูกวางคู่กันไหม ถ้ามีโผล่ออกมาให้เห็น โอกาสที่แฟนๆ ตัดสินใจก็ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่มี งานนี้ก็เหนื่อยกันหน่อย เพราะอย่างที่บอก ราคานี้กับส่วนลดปกติถ้าไม่เสร็จกบก็ต้องเสร็จนักบิน

ข้อมูลทางเทคนิค : Casio G-Shock GWN-Q1000-1A

  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 57.3 มิลลิเมตร
  • Lug-to-Lug : 48 มิลลิเมตร
  • หนา : 17 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก : 113 กรัม
  • กระจก :  Sapphire เคลือบ AR
  • Module No. : 5477 Multiband 6 จำนวน 4 เซ็นเซอร์
  • ระบบพลังงาน : Tough Solar
  • สำรองพลังงาน : 21  เดือนในกรณีเก็บในที่มืด อยู่ในโหมด PS และชาร์จเต็ม / 6 เดือนใช้งานตามปกติโดยที่ไม่โดนแสงเลย
  • ค่าความคลาดเคลื่อน : +/- 15 วินาทีต่อเดือน
  • ประทับใจ : ดีไซน์ ขนาด ความครบเครื่องของฟังก์ชั่น
  • ไม่ประทับใจ : ตัวรัดสาย ราคา