Casio G-Shock Gravitiymaster GR-B200 รุ่นใหม่ไฉไลกว่าเดิม

0

หลังจากที่ GR-B100 ไม่ค่อยโดนใจแฟนๆ ในตลาดสักเท่าไร ทาง Casio G-Shock ก็เลยส่งรุ่นใหม่อย่าง GR-B200 ที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ และการใช้เซ็นเซอร์ 4 ตัวลงมาทำตลาดแทน และในญี่ปุ่นจะเริ่มขายเดือนสิงหาคมนี้

- Advertisement -

Casio G-Shock Gravitiymaster GR-B200

Casio G-Shock Gravitiymaster GR-B200 รุ่นใหม่ไฉไลกว่าเดิม

  • รุ่นใหม่ของนาฬิกาในกลุ่มนักบิน Gravitymaster

  • ใช้ตัวเรือนแบบ Carbon Core Guard และโมดุลรุ่นใหม่ที่มากับระบบ 4 เซ็นเซอร์

  • มีเริ่มขายด้วยกัน 3 รุ่นกับราคา 46,200 เยน

สำหรับแฟนๆ ของ คอลเล็กชั่น Gravitymaster ที่มีงบไม่เยอะอาจจะผิดหวังกับการเปิดตัวคอลเล็กชั่น GR-B รุ่นที่แล้วซึ่งมากับรหัส B100 กันสักเล็กน้อย กับหน้าตาที่ดูแล้วไม่สปอร์ตเท่าที่ควรเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา ดังนั้น งานนี้ คาสิโอ จึงจัดการปรับทัพใหม่ เปิดตัวผลผลิตใหม่ที่มากับรหัส GR-B200 ที่มีหน้าตาสวยสปอร์ตพร้อมกับการพัฒนาบนพื้นฐานแนวคิดของตัวเรือนแบบ Carbon Core Guard อันเป็นเอกสิทธิ์ของ Casio G-Shock

ในช่วงแรกของการทำตลาดนั้นทาง คาสิโอ จะส่งขายด้วยกัน 3 รุ่นคือ GR-B200-1AJF ตามด้วย GR-B200-1A2JF สายสีฟ้า และ GR-B200-1A9JF สายสีแดง ซึ่งเมื่อดูจากหน้าตาและรายละเอียดของตัวนาฬิกาแล้ว หลายคนถึงกับเอ่ยปากกว่าดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับ Madmaster รุ่นใหม่ที่ใช้รหัส GG-B100 อาจจะเพราะทั้งการเป็นนาฬิกาแบบ 2 ระบบ คือ มีทั้งเข็มและหน้าจอดิจิตอล บวกกับการออกแบบให้มีสเกลบนหน้าปัดตรงช่วงบริเวณด้านบน

ตัวนาฬิกามากับตัวเรือนขนาด 54.1 มิลลิเมตร Lug to Lug 63 มิลลิเมตร และหนา 18.3 มิลลิเมตร ขณะที่น้ำหนักในทุกรุ่นอยู่ที่ 80 กรัม สิ่งที่แตกต่างจากที่ผ่านมานอกจากหน้าตาที่ดูสวยและสปอร์ต ชนิดถูกจริตแฟนๆ G-Shock แล้ว ยังอยู่ที่การนำแนวคิดของการใช้คาร์บอนในการผลิตตัวเรือนภายใต้แนวคิด Carbon Core Guard ที่เคยนำมาใช้แล้วกับนาฬิกาหลายรุ่น

โมดุลของ GR-200 เป็นรหัส 5635 สามารถทำงานได้อย่างหลากหลายโดยนอกจากเรื่องของการแสดงเวลาที่ 2 จาก 38 เขตโซนเวลาทั่วโลก และการสร้าง Mission Log ในการเดินทางเพื่อเป็น Flight Log สำหรับใช้ในการบินได้แล้ว ตัวนาฬิกาสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth และอาศัยฟังก์ชั่น GPS ของโทรศัพท์ในการระบุพิกัดได้ ขณะเดียวกันก็เป็นนาฬิกาสำหรับผจญภัยได้ในตัวเพราะมีฟังก์ชั่นทั้งแสดงพระอาทิตย์ขึ้น-ตก วันระดับความสูง ความกดอากาศ และอุณหภูมิผ่านทางเซ็นเซอร์ 4 ตัวหรือ Quad-Sensor ได้ รวมถึงยังมี Steptracker ในการนับจำนวนก้าว และใช้ในการคำนวนแคลลอรี่ได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่นาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้กับระบบ Tough Solar แต่ใช้แบตเตอรี่ที่มีความทนทาน 2 ปีแทน

ในญี่ปุ่นจะเริ่มขายเดือนสิงหาคมนี้โดยมีราคาอยู่ที่ 46,200 เยนรวมภาษีที่ญี่ปุ่น บ้านเรารอกันได้ คาดว่าน่าจะมาในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน