Casio G-Shock GM-B2100 Series เรือนเหล็กเสริมด้วยโมดุล Bluetooth

0

หลังจากเปิดตัวรุ่นเรซินทั้งกรอบตัวเรือนและสายแต่ใช้โมดุลที่มาทั้งระบบ Tough Solar และ Bluetooth ได้ไม่นาน ในตอนนี้ ทาง Casio G-Shock เพิ่มทางเลือกใหม่กับรุ่น Full Metal มีการใช้สแตนเลสสตีลทั้งกรอบตัวเรือนและสาย พร้อมกับโมดุลใหม่ในรหัส 5691

- Advertisement -

Casio G-Shock GM-B2100 Series

Casio G-Shock GM-B2100 Series เรือนเหล็กเสริมด้วยโมดุล Bluetooth

  • ทางเลือกใหม่ในแบบ Full Metal กับตัวเรือนและสายที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล

  • มีจำหน่าย 3 รุ่นย่อย พร้อมโมดุลใหม่ 5891 ที่มีทั้งการเชื่อม Bluetooth และ Tough Solar

  • เริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นเดือนสิงหาคมนี้ ราคาอยู่ที่ 71,500-80,300 เยน

หลังจากเพิ่งเปิดตัวรุ่นที่ใช้โมดุลที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth พร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจากเรซินได้ไม่นาน ทางด้าน Casio G-Shock เปิดตัวทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ต้องการตัวเรือนและสายที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล กับรุ่น Casio G-Shock GM-B2100 Series โดยในช่วงแรกจะมีจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อย

Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series
Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series
Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series

งานนี้ถือว่าเป็นการทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ตามสเต็ปของ 2100 Series โดยเริ่มจากรุ่นตัวเรือนปกติและกรอบตัวเรือน-สายผลิตจากเรซิน จากนั้นมากับกรอบตัวเรือนสตีลแต่ยังเป็นสายยาง ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นโมดุลที่เชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth ได้ และมาจนถึงรุ่นล่าสุดที่มีทั้งตัวเรือนและสายแบบสแตนเลสสตีล และโมดุลแบบ Bluetooth

Casio G-Shock GM-B2100 Series

จริงๆ แล้ว แนวคิดนี้ทาง Casio G-Shock เคยนำมาใช้กับรุ่น 5600 มาแล้วครั้งหนึ่งกับการเปิดตัว GMW-B5000 แต่ครั้งนั้นเป็นแนววิ่งสวนทางคือ เปิดตัวรุ่นท็อปออกมาก่อนด้วยตัวเรือนและสายแบบสตีลรวมถึงโมดุลที่เป็น Tough Solar และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth แล้วค่อยเปิดตัวรุ่นโมดุลธรรมดา แต่ใช้กรอบตัวเรือนสตีลและสายยางตามมาทีหลัง

สำหรับรุ่นที่จำหน่ายของ Casio G-Shock GM-B2100 Series จะประกอบด้วย 3 รุ่นย่อย คือ

  • GM-B2100D-1AJF : กรอบตัวเรือนและสายสีเงินผลิตจากสแตนเลสสตีล และหน้าปัดดำ
  • GM-B2100BD-1AJF : กรอบตัวเรือนและสายผลิตจากสแตนเลสสตีล เคลือบ PVD สีดำ และหน้าปัดดำ
  • GM-B2100GD-5AJF : กรอบตัวเรือนและสายผลิตจากสแตนเลสสตีล เคลือบ PVD สี Rose Gold และหน้าปัดดำ
Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series
Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series
Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่ใช้กรอบตัวเรือนและสายที่ผลิตจากเรซินแล้ว ในรุ่น Casio G-Shock GM-B2100 Series มีขนาดเล็กลงเล็กน้อยด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือนอยู่ที่ 44.4 มิลลิเมตร (-1 มิลลิเมตร) แต่มี Lug to Lug ยาวขึ้น 1.3 มิลลิเมตรเป็น 49.8 มิลลิเมตร และหนาขึ้นอีก 1 มิลลิเมตรเป็น 12.8 มิลลิเมตร

Casio G-Shock GM-B2100 Series

Casio G-Shock GM-B2100 Series Casio G-Shock GM-B2100 Series

โมดุลในรุ่นใหม่จะเป็นรหัส 5691 มาทั้งระบบ Tough Solar ในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ไปเป็นกระแสไฟฟ้า รวมถึงการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth โดยที่ฟังก์ชั่นในการทำงานก็ไม่ได้แตกต่างจากฟังก์ชั่นปกติของ G-Shock เช่น การแสดงเวลาในเขตต่างๆ รวม 38 เมืองจาก 38 เขตเวลา การจับเวลาเดินหน้า ถอยหลัง รวมถึงการตั้งปลุก 5 ครั้งต่อวัน

สำหรับราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 71,500 เยนสำหรับรุ่น GM-B2100D-1AJF ส่วนรุ่น GM-B2100BD-1AJF และ GM-B2100GD-5AJF ที่เป็นตัวเรือนเคลือบ PVD จะมีราคาขยับขึ้นมาเป็น 80,300 เยน โดยการทำตลาดจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ และทยอยเปิดตัวในตลาดทั่วโลก โดยเป็นนาฬิกาที่มีไลน์ผลิตอยู่ที่ญี่ปุ่น

ข้อมูลทางเทคนิค : Casio G-Shock GM-B2100 Series

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44.4 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 49.8 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 12.8 มิลลิเมตร
  • กระจก : Mineral Glass
  • กลไก : ควอตซ์แบบ Analog-Digital ในรหัส 5691 เชื่อมต่อด้วย Bluetooth และระบบชาร์จพลังแสงอาทิตย์
  • การกันน้ำ : 200 เมตร