Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series ความเบาในแบบ All-Carbon

0

อีกหนึ่งเวอร์ชันของการฉลองครบรอบ 40 ปีของ G-SHOCK กับนาฬิกาที่ถูกผลิตขึ้นมาในแบบ All-Carbon ด้วยกรรมวิธีที่เหนือชั้น จนได้คอลเล็กชั่น GCW-B5000UN Series ที่มีทั้งความเบาและความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวเรือนแบบ Monocase พร้อมการผลิตที่มีจำนวนจำกัด

- Advertisement -

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series ความเบาในแบบ All-Carbon

  • ความเหนือชั้นในการผลิตด้วยการใช้คาร์บอนในการผลิตทั้งตัวเรือน

  • โครงสร้างตัวเรือนแบบ Monocase พร้อมโมดุล 3543 แบบ Tough Solar

  • มีการผลิตออกสู่ตลาด 2 รุ่นคือ GCW-B5000UN-1JR และ GCW-B5000UN-6JR

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานับจากการเปิดตัวนาฬิการุ่น GWM-B5000 ออกมา ทาง Casio G-SHOCK ได้นำเสนอความแปลกใหม่ในเชิงวัสดุศาสตร์อย่างต่อเนื่องผ่านทางคอลเล็กชั่นต่างๆ โดยเฉพาะในพวกกลุ่มไฮเอนด์ไลน์อัพ เราได้เห็นคาร์บอนไฟเบอร์ สแตนเลสสตีลแบบพิเศษ หรือแม้แต่ไทเทเนียมผ่านทางนาฬิการุ่นต่างๆ ของพวกเขา

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series ถือว่าเป็นความพิเศษ เพราะนาฬิกาเรือนนี้มากับตัวเรือนและสายที่ผลิตจากคาร์บอน และอยู่ในคอลเล็กชั่นฉลอง 40 ปีของ G-SHOCK

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

สิ่งที่น่าสนใจในนาฬิกาเรือนนี้คือ แม้จะใช้วัสดุอย่างคาร์บอนในการเป็นต้นทางของการผลิต แต่กระบวนการผลิตในแต่ละส่วนของตัวนาฬิกาจะมีความแตกต่างกันออกไป เช่น ขอบตัวเรือนและสายจะผลิตด้วยกระบวนการ Forged หรือการนำใยคาร์บอนมาสับละเอียด จัดวางแบบไร้รูปแบบและผสมกับเรซินก่อนใช้แรงกดที่มีความดันสูงกดลงไปจนได้ชิ้นงานขึ้นมา ทำให้มีทั้งความเบาและความแข็งแกร่ง

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon
Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

ขณะที่ตัวบานพับสายจะผลิตด้วยคาร์บอนแบบ Laminated หรือการเคลือบเป็นชั้นๆ ด้วยการวางแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ลงไป ขณะที่ตัวเรือนเป็นแบบ Monocase Carbon ไม่มีฝาหลัง ขึ้นรูปแบบชิ้นเดียว ถือเป็นนาฬิกาเรือนแรกของ 5000 Series ที่มากับตัวเรือนแบบชิ้นเดียว โดยทั้งหมดมีเป้าหมายในด้านการลดน้ำหนัก และความแข็งแกร่ง และมีการใช้ไทเทเนียมในการผลิตกรอบโมดุลด้านในตัวเรือน รวมถึงปุ่มกด

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นจะมีน้ำหนักเพียง 65 กรัมเท่านั้น ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผลิตจากสตีลประมาณ 2.5 เท่า (65 vs 165 กรัม) และหนักกว่ารุ่น 5600 ที่ผลิตจากเรซินทั้งตัวเรือนและสายเพียง 13 กรัม (65 vs 52 กรัม)

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series จะมาด้วยกัน 2 รุ่น และผลิตจำนวนจำกัด แต่ไม่ระบุจำนวนการผลิต คือ

  • GCW-B5000UN-1JR

    • : ตัวเรือนสีดำ และมีลวดที่สวยคล้ายกับหินอ่อน ซึ่งเป็นเพราะการผลิตด้วยกรรมวิธี Forged Carbon
Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon
  • GCW-B5000UN-6JR :

    • ตัวเรือนสีดำผสมกับสีม่วง ซึ่งเป็นเพราะการผลิตด้วยกรรมวิธี Forged Carbon โดยใช้เส้นใยคาร์บอนสีดำ ผสมกับสีน้ำเงิน สีชมพู และผงโอปอล
Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับโมดุล 3543 มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางบลูทูธ พร้อม Tough Solar ในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นกระแสไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่ เช่นเดียวกับฟังก์ชั่นพื้นฐานของระบบ เช่น การตั้งปลุก 5 ครั้งต่อวัน การจับเวลาเดินหน้า และถอยหลัง World Time ในการแสดงเวลาที่ 2 ซึ่งจะสัมพันธ์กับการเซ็ตผ่านทาง Application บนสมาร์ทโฟน

Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series All-Carbon

เริ่มทำตลาดแล้ว ส่วนบ้านเราจะมีเข้ามาจำหน่ายในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนราคาป้ายอยู่ที่ 82,000 บาท

รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-SHOCK GCW-B5000UN Series

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 45 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 49 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 14.5 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน : คาร์บอน
  • กระจก : Sapphire
  • โมดุล : 3543 มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางบลูทูธ พร้อม Tough Solar
  • การกันน้ำ : 200 เมตร