ว่าจะไม่แล้ว แต่สุดท้ายก็โดนเจ้าผลผลิตจากคอลเล็กชั่น Big Bang Black จากการฉลอง 35 ปีของ Casio G-Shock และผมคิดว่าเจ้า Casio G-Shock GA735A-1ADR Big Bang Black โดนใจที่สุดแล้ว
Casio G-Shock GA735A-1ADR Big Bang Black
- Casio G-Shock GA735A-1ADR Big Bang Black แตกต่างจากรุ่นปกติหลายจุดไม่ใช่แค่ลายบนฝาหลังเท่านั้น
- Big Bang Black เป็นคอลเล็กชั่นแรกของเวอร์ชันฉลอง 35 ปีของ Casio G-Shock
- ตัวเรือนสีดำสนิทแบบดำด้าน Matte Black
เอาเป็นว่าตอนที่ทราบข่าวการเตรียมฉลอง 35 ปีของ Casio G-Shock ผมตื่นเต้นมาก เพราะมาในช่วงที่ผมยังอินกับมัน เพราะตอนที่ฉลอง 25 ปีไม่ทัน ส่วนตอน 35 ปีกลับเลิกอินไปพักหนึ่ง ดังนั้นจึงหวังค่อนข้างมาก แต่พอได้เห็นภาพของรุ่นแรกจากคอลเล็กชั่นนี้ออกมาอย่าง Big Bang Black บอกได้เลยว่าผิดหวังสุดๆ เพราะหน้าตาจะธรรมดาแล้ว รุ่นที่เลือกมาเปิดยังธรรมดาอีกด้วย จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งความคิดนี้ก็เปลี่ยนไป และบัตรเครดิตก็ลอยไปอยู่ในมือของคนขาย แล้วสิ่งที่ติดมือผมกลับบ้านมาคือ Casio G-Shock GA735A-1ADR Big Bang Black ความแตกต่างที่ไม่ได้มีแค่ฝาหลัง
โอเคเล่ากันสักนิดนึงถึงวินาทีนั้น เดี๋ยวจะหาว่าโดนป้ายยามา เย็นวันนั้นผมเลิกงานและเดินทางกลับบ้านตามปกติ แวะที่ห้างประจำ จอดรถในโซนที่จอดประจำเป็นเวลาเกือบๆ จะ 2 ปีละ จากนั้นเดินไปที่ชั้น 2 เพื่อกดเงินจากตู้ ATM ของแบงค์ที่ใครเป็นคนคิดนโยบายให้บัตรตัวเองกดได้แต่ตู้ธนาคารตัวเองก็ไม่รู้ แต่โคตรน่าเตะเลย (แต่ทำไงได้เงินเดือนมันดันเข้าบัญชีแบงค์นั้น) และตั้งใจว่าจะรีบลงไปชั้น 1 เพื่อไปซื้อกับข้าวไปฝากลูกเมียตามสไตล์คุณพ่อบ้านชั้นดี
ดูเหมือนดวงจะเสียเงินมันเข้าครอบงำ แทนที่จะลงบันไดเลื่อนที่คุ้นเคย กลับไปลงบันไดเลื่อนอีกฝั่งซึ่งตั้งอยู่กับร้านขายนาฬิกาของ Casio Thailand และก็ดั๊นไปเจอเข้ากับพี่คนขายที่คุ้นเคย ไอ้ตัวผมก็เลยเดินเข้าไปทักทายโดยที่ไม่รู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้น บัตรเครดิตของผมกำลังจะชะตาขาด
การกล่อมของคนขายก็ทำให้ผมเคลิ้มได้ระดับหนึ่งแหละ แต่มันยังไม่มากพอกับวินาทีที่ได้จับและสัมผัสกับเจ้าคอลเล็กชั่นนี้แบบตัวเป็นๆ ซึ่งอาจจะต้องบอกสักนิดว่า คนทำภาพที่ถูกเผยแพร่ในเชิงประชาสัมพันธ์ในโปรเจ็กต์อาจจะไม่ได้เกรด A แล้วสำหรับการประเมินผลเอาเป็นว่า ผมสรุปว่า ของจริงดีกว่าในภาพเยอะเลย ซึ่งเคสนี้อาจจะดีกับการนัดบอดกับสาวๆ แต่คงไม่ดีกับกระเป๋าเงินของคุณ เพราะอาจจะทำให้เสียเงินแบบไม่คาดฝัน อย่างที่ผมโดนเป็นต้น
กลับมาที่เรื่องของตัวนาฬิกากันดีกว่า ต้องบอกว่า Big Bang Black เป็นคอลเล็กชั่นนาฬิกาแรกสำหรับการฉลอง 35th Anniversary ของ Casio G-Shock ที่จะครบ 35 ขวบปีเต็มในเดือนเมษายน 2018 หลังจากที่พวกเขาเปิดตัวครั้งแรกในปี 1983 แน่นอนว่ามันจะมีคอลเล็กชั่นอื่นๆ ทยอยออกมา แต่ไม่บอกว่าจะมีเยอะขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ ไม่ต่ำกว่า 2 แน่นอน เพราะคอลเล็กชั่น 2 ที่ชื่อ Gold Tornado มาจ่อคิวเปิดขายแล้ว และในบ้านเราน่าจะเริ่มขายได้ในปลายๆ เดือนพฤศจิกายน กับช่วงราคาที่ผมทราบมาคร่าวๆ ว่า 35,000-49,000 บาท
ในคอลเล็กชั่นนี้ ถ้าเป็นตลาดโลกและบ้านเราจะมีด้วยกัน 4 รุ่นคือ GA135A ที่อิงพื้นฐานของรุ่น GA110 ตามด้วย GA835A จากรุ่น GA800 รุ่น GG1035A จากรุ่น Mudmaster หรือมัดเล็ก และ GA735A จากรุ่น GA700 ที่ผมสำรวจละว่าเวิร์คที่สุดในคอลเล็กชั่นนี้ ส่วนในญี่ปุ่นจะมีเพิ่มอีกรุ่นที่เหมือนกับเป็น Bonus Track สมัยที่คุณซื้อ CD เพลง (รู้จักกันใช่ไหมครับ CD) คือรุ่น GW5035A
ในเรื่องรายละเอียดที่ทั้ง 5 รุ่นมีร่วมกันคือ ตัวเรือนสีดำสนิทในแบบ Matte Black ดำด้านและแตกต่างจากสีดำในรุ่นปกติของ G-Shockอย่างชัดเจน เอาเป็นว่าตอนแรกก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งลองหยิบออกมาจับ และเปรียบเทียบกับ G-Shock เรือนอื่นๆ ในร้าน ซึ่งพบว่ามันจะดำเข้มแบบถ่านเลย เนื้อวัสดุจะออกด้านๆ ซึ่งดูสวยและแปลกตาไปอีกแบบ
นอกจากนั้น ทางทีมออกแบบของ Casio ยังทำให้ทุกอย่างของคอลเล็กชั่นนี้สอดคล้องกับชื่อด้วยการทำให้ทุกอย่างดูดำไปหมด รวมถึงหน้าจอที่เป็นแบบ Negative ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าแก่ๆ อย่างผมดูยากฉิบฯ เลย แต่ก็ช่างมันถ้าอยากดูเวลาค่อยหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ได้ และก็รวมถึงการเปลี่ยนบัคเคิ่ลจากเดิมที่เป็นเหล็ก ก็เป็นวัสดุไฟเบอร์สีดำแบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น GA400ขณะที่ตัวรัดสายเป็นเหล็กสีทองและสลักข้อความฉลอง 35 ปีเหมือนกับคอลเล็กชั่นฉลอง 30 ปีพร้อมกับดาว 3 แถว ซึ่งแถวบนเป็นดวงใหญ่มี 3 ดวงมีค่าเท่ากับดวงละ 10 ปี และดวงเล็กมี 5 ดวงมีค่าเท่ากับดวงละ 1 ปี รวมแล้วเป็น 35 ปี
สิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบ และทำให้คอลเล็กชั่นนี้แตกต่างจากรุ่นปกติของพวกมัน และอาจจะรวมถึงรุ่นฉลองในวาระต่างๆ ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ คือ การเติมข้อความ ‘Since 1983’ บนหน้าปัด เรียกว่าเป็นอะไรที่โคตรธรรมดา แต่กลับทำให้ผมรู้สึกว่ามันพิเศษและแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ แบบสุดๆ ไม่รู้นะผมว่ามันแจ่มกว่าฝาหลังแบบพิเศษที่มีการสลักโลโก้ 35 ปีเสียอีก
แน่นอนว่าส่วนต่างในด้านราคาป้ายของรุ่น GA735A ที่แพงกว่ารุ่นธรรมดาประมาณ 1500 บาท (5,900 กับ 4,400 บาท) สิ่งที่ต่างไม่ได้มีแค่สิ่งที่ผมบรรยายข้างต้น แต่ในเรื่องของ Packaging ก็ยังเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน และสารภาพเลยว่าผมค่อนข้างเบื่อกับกล่องและกระป๋องของ Casio G-Shock อย่างมาก ซึ่งถ้าเป็นรุ่นธรรมดาในระดับหลักพัน อันนี้ยังพอรับได้ แต่ถ้าต้องจ่ายในระดับ 2 หมื่นอัพ แต่ยังได้กล่องกับ Packaging หน้าตาเหมือนกัน อันนี้อาจจะเริ่มเซ็งละ เหมือนตอนที่ได้ Frogman GWF-D1000 มาแล้วหงุดหงิดกับเรื่องนี้
จริงๆ แล้วมันเป็น Packaging ที่แตกต่างออกไป และก็เหมือนกับที่ Casio ทำกับ2 คอลเล็กชั่นฉลองปีที่ออกมาก่อนหน้านี้ Eric Hazeรับเหมาในการออกแบบเช่นเคย ทั้งโลโก้ฉลอง 35 ปี และ Packaging ของรุ่นนี้ ซึ่งมาในโทนสีดำ-ขาว-เทา ถือว่าดีเกินราคาค่าตัวของนาฬิกา
ในส่วนของตัวนาฬิกา ผมเคยรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้กับรุ่น GA700SE ซึ่งต้องบอกว่าผมค่อนข้างมีใจให้กับเจ้า GA700 นี้มาก่อน และพบว่านี่แหละคือ นาฬิกาที่เป็นคอลเล็กชั่น ‘เด็กปั้น’ รุ่นใหม่ของ Casio G-Shock ที่จะมาแทน GA110
ในแง่ของการดีไซน์ถือว่ามากับขนาดที่ถึกและบึกบึนเต็มข้อ ชนิดที่พอหยิบรุ่น GA835A ที่วางข้างๆ กันมาลองแล้ว แทบจะขว้างทิ้งทันที ทั้งที่ผมชอบรายละเอียดบนหน้าปัดของ GA835A มากกว่า แต่การที่ Casio ทำให้ GA800 เป็นนาฬิกาแบบ Unisex มากเกินไปด้วยการลดขนาด ทำให้คนที่คุ้นเคยกับขนาดใหญ่ๆ ของ G-Shock แทบจะไม่มองมันเลย และดูเหมือนว่ากลุ่มลูกค้าหลักน่าของ GA800 จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
Casio GA735Aใช้โมดุลในรหัส 5522 ซึ่งฟังก์ชั่นไม่มีอะไรมากมาย จับเวลา ตั้งปลุก World Time เหมือนกับฟังก์ชั่นพื้นฐานของ G-Shockรายละเอียดบนหน้าปัดมีการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำหรับหน้าจอดิจิตอล คือ วงกลมในตำแหน่ง 10 นาฬิกา ซึ่งปกติแล้วในนาฬิกาบางรุ่นมันจะเป็นตัวบอกจับเวลาในระดับวินาที หรือการบ่งบอกสถานะการทำงานของบางฟังก์ชั่นในนาฬิกา แต่สำหรับของ GA700 ตรงนี้เป็นการบอกว่านาฬิกาของคุณอยู่ในตำแหน่งฟังก์ชั่นอะไรหลังจากที่คุณกดปุ่มในตำแหน่ง 7 นาฬิกาที่เป็นปุ่ม Mode ของตัวนาฬิกา ส่วนหน้าจอที่เป็นแถบสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางติดกันคือ ตัวนับเวลาในหน่วยวินาที
สำหรับหน้าจอด้านล่างสุดจะเป็นตัวบอก Day/Date หรือจะเปลี่ยนมาบอกหน่วยวินาทีก็ได้ และเป็นการบอกการจับเวลาเป็นตัวเลือกเมื่อคุณเลือกใช้งานในโหมดจับเวลาทั้งเดินหน้าและถอยหลัง ซึ่งจากการย้ายปุ่มไฟมาอยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกานั้น ทำให้ปุ่มมาตรฐานทั้ง 4 ที่อยู่ด้านข้างในแต่ละมุมบนตัวเรือนเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยปุ่ม 2 นาฬิกาซึ่งปกติแล้วเป็นปุ่ม Light ก็ทำหน้าที่แค่กดเปลี่ยนการแสดงผลบนหน้าจอด้านล่างกับการกดเพื่อ Rest การจับเวลาเท่านั้น
แต่ถ้าคุณต้องการจับเวลาเดินหน้า ในขณะที่อยู่ที่ Timekeeping Mode หรือโหมดแสดงเวลาโดยที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งกดปุ่มในตำแหน่ง 7 นาฬิกาเพื่อไล่การเข้าถึงโหมดต่างๆก็สามารถทำได้ทันทีด้วยการกดปุ่มในตำแหน่ง 4 นาฬิกาที่เป็นปุ่ม Shortcut ของโหมดจับเวลา
และแน่นอนว่าสิ่งที่ผมค่อนข้างขัดใจกับนาฬิการุ่นนี้ รวมถึงรุ่นอื่นๆ ที่ Casio เอาเทคโนโลยีหลอด LED มาวางอยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อทำหน้าที่เป็นไฟส่องสว่างนั้น คือ มันแทบจะไม่เวิร์คในการมองรายละเอียดบนหน้าปัดเลย
สรุปโดยรวมกับคอลเล็กชั่นนี้ในมุมของผม ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่สอบผ่าน แม้ว่ารูปที่เห็นในอินเตอร์เนตครั้งแรกจะไม่ประทับใจเอาเสียเลย และกับราคาตั้งที่ไม่ได้แพงมาก ผมเชื่อว่าการตัดสินใจของคนที่จะสอยอยู่แล้วทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่ารุ่นไหนเท่านั้นเองที่จะถูกใจคุณ ซึ่งสำหรับผมขอเลือก Casio G-Shock GA735A-1ADR นี่แหละ
คุณสมบัติของ : Casio G-Shock GA735A-1ADR Big Bang Black
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : 53.4 มิลลิเมตร
- Lug-to-Lug : 57.5 มิลลิเมตร
- ความหนา : 18.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 75กรัม
- ตัวเรือน/สาย : เรซิน
- กระจก : Mineral Glass
- ระดับการกันน้ำ : 200 เมตร
- ฟังก์ชั่นทำงาน : จับเวลา 1/100 วินาที จับเวลาถอยหลัง Worldtime ตั้งปลุก ปฏิทินอัตโนมัติจนถึงปี 2099
- สิ่งที่ประทับใจ : สีตัวเรือน โลโก้ Since 1983 บนหน้าปัด Packaging โดยรวมของคอลเล็กชั่น
- สิ่งที่ไม่ประทับใจ : ยังเหมือนเดิมไฟส่องสว่างแบบ LED ที่ใช้ยังไงก็ไม่คุ้นสักทีและตัวรัดสายที่เป็นเหล็กซึ่งมักจะเลื่อนไปมาเมื่อใส่
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/