ตอนแรกว่าจะทำเมินๆ ใส่ Casio G-Shock เพราะพักหลังนาฬิกาของพวกเขาดีไซน์แบบหลุดโลกไปหน่อย จนกระทั่งมาได้เห็นเจ้า Casio G-Shock GA-140-4A นี่แหละ กระเป๋าเงินถึงกับสั่น และสุดท้ายก็จบลงด้วยดีกับเจ้า GA-140-4A ในสไตล์ทูโทน
Casio G-Shock GA-140-4A งานนี้ต้องยอมเพราะสวยจริง
-
ญาติร่วมสายพันธุ์ของ GA-100/110 ใช้กรอบและสายร่วมกัน
-
เปลี่ยนโมดุลใหม่เป็น 5162 แบบอนาล็อก ดิจิตอล
-
ราคาตามป้ายในไทย 4,600 บาท
สารภาพตามตรงว่า ตอนที่ได้เห็น Casio G-Shock GA-140-4A ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นครั้งแรกที่ผมตกหลุมรัก G-Shock ที่ไม่ได้อยู่ในตระกูล Master of G เพราะตามปกติแล้วผมจะซื้อเฉพาะ G-Shock ในตระกูลนี้มากกว่า ส่วนที่เหลือแค่ชอบพอประมาณ ไม่ได้อินมากสักเท่าไร แต่กับ GA-140 โดยเฉพาะรุ่น GA-140-4A ที่มากับกรอบสีเทา สายสีแดงด้าน เป็นอะไรที่สะดุดตามาก จนสุดท้ายก็ตกลงปลงใจจิ้มเรือนนี้จากหน้าเคาน์เตอร์แล้วหิ้วกลับบ้าน
ปกติผมไม่ได้สนใจนาฬิกาที่มาจากคอลเล็กชั่น GA-Series ของ Casio G-Shock สักเท่าไร ด้วยเหตุผลเดียวก็คือ มันเป็นรุ่นยอดนิยมที่ถูกโก่งราคาจากบรรดาพ่อค้าอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะพวก GA-110 ถามว่าสวยไหม ก็ดูสวยสะดุดตาดีอยู่หรอกนะ แต่ส่วนตัวผมว่ายังแปลกๆ ไปหน่อย เหมือนอะไรต่อมิอะไรที่อยู่บนหน้าปัดมันเยอะจนเกินงาม ส่วนตัวกลับชอบ GA-100 ที่ดูเรียบๆ มากกว่า และสำหรับคอลเล็กชั่นล่าสุดจากนาฬิกาตระกูล GA ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาคือ GA-140 สารภาพตามตรงเลยว่า ถูกใจแบบสุดๆ หลังจากที่ได้เจอหน้าเจอตากันเป็นครั้งแรก
ตอนที่ Casio เปิดตัว G-shock GA-140 ออกมาเมื่อสักเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้บอกว่าเป็นรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแทนใครหรือเปล่า แต่เท่าที่ดู คงไม่น่าจะใช่ เพราะแม้ว่า GA-100 และ 110 Series จะขายมาร่วม 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หายไปจากตลาด เพียงแค่ลดบทบาทนิดหน่อย และ Casio ก็ยังมีความเคลื่อนไหวออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ถี่เหมือนกับเมื่อก่อนเท่านั้นเอง ดังนั้น คิดว่านี่คือ อีกรุ่นที่เปิดตัวออกมาลุยตลาดเป็นการเพิ่มทางเลือก โดยที่อยู่บนพื้นฐานของกรอบและสายของนาฬิกาตระกูล GA/GD ที่มักจะใช้ร่วมกันได้
ตอนที่เห็นครั้งแรก แน่นอนว่า GA-140-4A คือ เรือนที่สะดุดตาผมที่สุด และเป็นรุ่นเดียวในคอลเล็กชั่นนี้ที่มาในสไตล์ทูโทนที่เหลือเป็นสีเดียวกันทั้งตัวเรือนและสาย เหตุผลอาจจะเป็นเพราะความคาดเดาเอาว่าสีนี้น่าจะได้รับความนิยมหลังจากที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับรุ่น GA-400 ซึ่งคนเรียกกันติดปากว่า Nismo Version เพราะในตลาดญี่ปุ่นมันถูกผลิตเป็นเวอร์ชันสำหรับทีมแข่ง Motul Autech GT-R ในรายการ Super GT ซึ่งตัวรถก็มากับสีแดง-เทา แต่เอาเข้าจริงๆ ทุกสีเมื่อได้เห็นตัวจริงแล้ว ถูกชะตาหมดยกเว้นสีม่วง ที่น้องคนขายพยายามเฝ้าเชียร์ให้ซื้อ ซึ่งเมื่อดูจากอายุตัวเองและการใช้ชีวิตแล้ว คิดว่าถ้าซื้อมาคงได้นอนกล่องเหมือนกับอีกหลายรุ่นก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
เมื่ออยู่ในตระกูล GA รหัส 100 Series แน่นอนว่า ตัวกรอบและสายก็สามารถใช้ร่วมกับนาฬิกาเครือญาติอย่าง GA100/GA110 รวมถึงญาติห่างๆ อย่างตระกูล GD100 ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็น G-Shock ที่มีความเป็น G-Shock คือ มีขนาดใหญ่แบบ Oversize แต่ไม่ถึงกับล้นข้อมือ ซึ่งดูแล้วสมบุกสมบัน และเวลาจะใส่ G-Shock ส่วนตัวผมว่ามันต้องเป็นแบบนี้
ขนาดตัวเรือนของ GA-140-4A มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 51.2 มิลลิเมตร Lug to Lug 55 มิลลิเมตร และหนาราวๆ 16.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักถือว่าเบามากตามสไตล์ G-Shock ที่แม้ว่าจะเรือนใหญ่ แต่ด้วยเหตุที่นาฬิกาส่วนใหญ่ใช้ตัวเรือนและสายแบบเรซินมันก็เลยค่อนข้างเบา โดยในรุ่นนี้มีน้ำหนักเพียง 72 กรัมเท่านั้น
ในเรื่องของกรอบตัวเรือนและสายคงไม่ต้องบอก เพราะมันเหมือนกับรุ่น GA-100 Series แต่บนหน้าปัดและชุดเข็มการออกแบบใหม่เพื่อความสวยสะดุดตา แม้ว่าข้อมูลในเว็บของ Casio จะบอกว่า Casio G-Shock GA-140 มาลวดลายคล้ายกับชิ้นส่วนเครื่องสเตอริโอหรือเครื่องเล่นเพลงขนาดพกพาในยุค 90 ซึ่งผ่านการปรับปรุงให้ดูทันสมัยและโดดเด่นมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไร ผมก็จินตนาการไม่ออกสักทีว่าเหมือนตรงไหน แต่หน้าตาของมันนี่นาฬิกาแบบ Chronograph ชัดๆ โดยที่มากับตัวเรือนและสายแบบเรซินสไตล์ด้านๆ ดูสวยและลงตัวดี
ตรงนี้ละมั้งที่ทำให้ผมค่อนข้างชอบใน GA-140 คือ การวางดีไซน์บนหน้าปัดที่แตกต่างจาก G-Shock รุ่นอื่นๆ และมีความเหมือนกับเป็นนาฬิกาทั่วไปมากขึ้น มีการวางวงจับเวลาย่อยในตำแหน่ง 3 นาฬิกา ส่วนตำแหน่ง 6 และ 12 เป็นหน้าจอดิจิตอลสำหรับแสดง Date/Month สำหรับวงบน และ Day/แสดงเวลาในส่วนวินาที สำหรับวงล่าง ซึ่งตรงวงล่างไม่ได้ติดใจอะไรหรอก จะมีก็แค่ตรงวงบนนี่แหละที่พอเป็นเดือนหรือวันแบบเลขตัวเดียว มันดูแล้วโล่งๆ พิกล
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าทำไมทีมออกแบบของ Casio จึงจับยัดใส่มาคือ หน้าจอดิจิตอลทรงเหลี่ยมที่อยู่ตรง 4 มุมบนหน้าปัดนาฬิกา ทีแรกผมก็นึกว่าจะเป็นการแสดงผลว่ากำลังอยู่ในโหมดของการจับเวลา ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่ง เพราะช่องเหลี่ยมด้านบนเป็นอย่างนั้น แต่ที่ไหนได้ ด้านล่างกลับไม่ใช่ แต่เป็นหน้าจอบ่งบอกสถานะของระบบต่างๆ ในตัวนาฬิกา เช่น การตั้งปลุก การแจ้งเตือนทุกชั่วโมง หรือการตั้งไฟแบบพลิกข้อมืออัตโนมัติ ซึ่งโดยรวมแล้วดูไม่ได้ขัดตาอะไร แต่ถ้าจะให้ดี ผมคิดว่าไม่น่าจะมีตั้งแต่แรกจะดีที่สุด เพราะดูแล้วหน้าจอปลีกย่อยเยอะไปหน่อย
สำหรับโมดุลของ GA-140-4A รวมถึงรุ่นอื่นๆ
คือ 5612 และ 5613 ซึ่งไม่รู้ว่าตัว 5613 นี่ใช้กับรุ่นไหนอีกบ้าง แต่ในแง่ของฟังก์ชั่นโดยรวมแล้วไม่มีอะไรซับซ้อนหรือแตกต่างจาก GA-100/110 นั่นคือ ความสามารถในการจับเวลาที่ละเอียดในระดับ 1/1000 วินาที ขณะที่ G-Shock รุ่นอื่นๆ จะอยู่ที่ 1/100 วินาทีเท่านั้น โดยสามารถจับเวลาตั้งแต่เริ่มต้นถึงตำแหน่งปัจจุบัน, จับเวลาเป็นรอบ และจับเวลาเป็นช่วงๆ ในระหว่างจุดเริ่มต้นถึงสิ้นสุด
ส่วนที่เหลือคือ การตั้งปลุก การจับเวลาถอยหลัง รวมถึง World Time ที่ตัวโมดุลถูกปรับเซ็ตเวลาให้สามารถแสดงผลได้ 48 เมืองจาก 29 โซนเวลา และตัวปฏิทินก็แสดงผลจนถึงปี 2099 ส่วนไฟ LED ในรุ่นนี้จะแสดงผลแตกต่างจาก GA100/110 ที่ปกติแล้วจะติดตั้งอยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา แต่สำหรับรุ่นนี้วางเอาไว้ที่ 9 นาฬิกา และสามารถตั้งแบบ Auto Light แบบพลิกข้อมือได้ โดยกดปุ่มไฟในตำแหน่ง 2 นาฬิกาค้างเอาไว้สัก 3 วินาทีจนหน้าจอตัว LT เป็นสีดำ ส่วนการตั้งเวลาการส่องสว่างก็มี 2 ระดับคือ 1.5 และ 3 วินาที แต่บอกเลยว่าไฟ LED ที่ให้มาแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย มองแทบไม่เห็นอะไรเลย สู้แต้มพรายน้ำบนเข็มนาที/ชั่วโมงจะเข้าท่ากว่า
สำหรับราคาป้ายของ GA-140-4A และเพื่อนๆ ถูกตั้งเอาไว้เท่ากันที่ 4,600 บาท ถามว่าแพงไหม ก็ต้องบอกว่าถือเป็นราคามาตรฐานของนาฬิการุ่น GA รุ่นมาตรฐานอยู่แล้ว (ถ้าไม่นับตัวที่เป็นสีพิเศษหรือรุ่นพิเศษ) ซึ่งในสหรัฐอเมริการุ่นมาตรฐานของ GA-100/110 และ GA-140 ตั้งเท่ากันที่ 99 เหรียญสหรัฐฯ และกับฟังก์ชั่น หน้าตา และความสวยลงตัวถือว่ารับได้ครับกับราคานี้ ที่เหลือก็แล้วแต่ส่วนลดของแต่ละร้านละครับว่าจะช่วยทำให้ตัดสินใจง่ายขนาดไหน ส่วนของผมได้แบบช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายอยู่แล้ว
ข้อมูลทางเทคนิค : Casio G-Shock GA-140-4A
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 51.2 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 55 มิลลิเมตร
- หนา : 16.9 มิลลิเมตร
- หนัก : 72 กรัม
- ตัวเรือน/สาย : เรซิน
- การส่องสว่าง : LED แบบปรับระยะเวลาในการส่องได้
- ทนทาน : คลื่นแม่เหล็ก
- การกันน้ำ : 200 เมตร
- โมดุล : 5612
- ฟังก์ชั่น : จับเวลา 1/1000 วินาที นับถอยหลัง ตั้งปลุก แสดงเวลา 48 เมืองจาก 29 โซนเวลา
- ความเที่ยงตรง : +/-15 วินาทีต่อเดือน
- แบตเตอรี่ : 2 ปี
- ประทับใจ : รูปลักษณ์ หน้าปัด ขนาดตัวเรือน
- ไม่ประทับใจ : ไฟ LED หน้าจอดิจิตอลยิบย่อยเยอะไป
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/