ในวาระที่นาฬิกาดำน้ำของ Casio G-Shock อย่างรุ่น Frogman ครบรอบ 30 ปี นอกจากนาฬิกาเวอร์ชันพิเศษที่ผลิตออกมาขายแล้ว ทาง Casio ยังมีเวอร์ชันที่พิเศษสุดๆ อย่าง Frogman MR–G BF1000R ออกมาเป็นอีกทางเลือก และแน่นอนว่านาฬิการุ่นนี้สุดจริงเพราะเป็นการรวมฟังก์ชั่นที่ยอดเยี่ยมของ Frogman ให้เข้ามาอยู่ในตัวเรือนและรูปแบบการผลิตแบบ Hi–End ของ MR–G ได้อย่างลงตัว
Casio G-Shock Frogman MR-G BF1000R ห้ามพลาดกับที่สุดของกบ
-
การจับมือกันอีกครั้งของคอลเล็กชั่น MR–G กับ Frogman ในการนำเสนอนาฬิกาดำน้ำรูปแบบใหม่
-
เน้นความหรูหราและความประณีตในการผลิตทั้งการขัดแต่งตัวเรือน ความซับซ้อนของชิ้นส่วน
-
ขับเคลื่อนด้วย Module 5702 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น Casio Watches
ในวาระของการฉลองครบรอบ 30 ปีของ Casio G–Shock Frogman ทางแบรนด์ยังมีอะไรที่มีความน่าสนใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ และนับจากปลายปีที่แล้ว เราได้เห็นนาฬิการุ่นพิเศษของ Frogman ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่คิดว่าคงไม่มีรุ่นไหนน่าสนใจมากเท่ากับเรือนนี้อย่างแน่นอน นั่นคือ Frogman MR-G BF1000R
ก่อนที่จะไปถึงเรื่องราวของตัวนาฬิกา เรามาย้อนความกันสักนิดหนึ่งก่อนเกี่ยวกับประวัติของ Casio G-Shock Frogman ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้เปิดตัวในปี 1993 กับรหัส DW-6300 และกลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกของแบรนด์ที่มีคุณสมบัติครบตามมาตรฐานนาฬิกาดำน้ำแบบดิจิตอลของ ISO6425
Frogman ถือเป็นนาฬิการุ่นท็อปของกลุ่ม Master of G และทำตลาดเรื่อยมาหลายต่อหลายรุ่นจนถึงปัจจุบัน และมีรุ่นล่าสุดที่อยู่ในตลาดคือ GWF-A1000 ที่มีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ตรงที่ใช้การแสดงผลแบบเข็ม ตัวเรือนคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Monocase และมีโมดุลที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
ส่วนอีกรุ่นที่น่าสนใจและทำตลาดควบคู่กันคือ GWF-D1000 ซึ่งมีฟังก์ชั่นวัดความลึกหรือ Depth Meter ติดตั้งมาด้วย รวมถึง Frogman อีกซีรีส์อย่าง GF8200 Series ซึ่งถูกนำมาผลิตเป็นรุ่นฉลองครบรอบ 30 ปีของ Frogman
สำหรับ Frogman MR–G BF1000R นั้น ถ้าถามว่า Casio ทำนาฬิกาสไตล์นี้เป็นครั้งแรกให้กับ Frogman หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านั้นในปี 1999 พวกเขาได้เปิดตัวนาฬิการุ่น MR-G-1100-2 ออกมาด้วยบนตัวเรือนและสายที่ผลิตจากไทเทเนียม
โดยถือเป็นหนึ่งในอนุกรมของทั้ง MR-G และ Frogman ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐานนาฬิกาดำน้ำของ ISO และทำตลาดเพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น แนวคิดนี้จึงมีความน่าสนใจอย่างมากกับการอัพเกรดนาฬิกาดำน้ำอย่าง Frogman ให้มีความหรูหราและยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับ MR-G
นอกจากนั้นตัว Frogman เองยังมีการสลับข้ามคอลเล็กชั่นด้วยการไปจับมือคอลเล็กชั่นอื่นๆ ของ G-Shock อีกด้วย เช่น Baby-G ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในช่วงทศวรรษที่ 1990 และ 2000 ถือเป็นความสนุกสนานของทีมงานในการทำงานเชิงทดลองด้วยการผลิตนาฬิการุ่นแปลกๆ ออกมาเพื่อหยั่งเชิงในตลาด และทำให้เกิดสีสันและความน่าสนใจได้เป็นอย่างดี
กลับมาที่ตัวนาฬิกา Casio G–Shock Frogman MR–G BF1000R นับเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบ 30 ปีของ Frogman ที่ทาง Casio เองเริ่มทยอยเปิดตัวนาฬิกาที่อยู่ในเซ็ตนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าแม้จะมีชื่อ MR-G รวมอยู่ด้วย
แต่แนวทางหลักในการออกแบบของนาฬิกาเรือนนี้คือ Frogman เรียกว่า MR-G ที่แทรกเข้ามาคือ การบ่งบอกถึงระดับตลาดและการที่ตัวนาฬิกาถูกอัพเกรดให้สูงขึ้นตามมาตรฐานของคอลเล็กชั่นนี้
ดังนั้น Frogman MR–G BF1000R จึงถอดแบบตัวเรือนรูปทรงอสมมาตรมาจากนาฬิกาดำน้ำ Frogman แต่มีการขยับไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อให้เคลื่อนไหวข้อมือได้สะดวกเมื่ออยู่ใต้น้ำ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของ Frogman ที่เราคุ้นเคยกันดีและมานานนับจากปี 1993
วัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวเรือนอยู่ในรูปแบบของตัวเรือนโลหะ เพื่อดัดแปลงโครงสร้างนาฬิกาจากเดิมที่เป็นเรซินให้เป็นโลหะอย่างไทเทเนียม โครงสร้างนาฬิกาจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายชิ้นและผ่านกระบวนการขัดเงาทุกชิ้นก่อนประกอบ เพื่อดึงเอาพื้นผิวที่สวยงามน่าทึ่งออกมาทุกรายละเอียด โดยตัวเรือนประกอบด้วยชิ้นส่วนมากถึง 76 ชิ้น ซึ่งรวมถึงโอริงซีลกันน้ำ ยางกันกระแทก และชิ้นส่วนเล็ก ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างกันกระแทก ยังมีการใช้ยางฟลูออโรกันกระแทกกับชิ้นส่วนภายนอกรอบตัวเรือน เพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทกและปกป้องกระจกหน้าปัด ส่วนฝาหลังกระจกแซฟไฟร์เป็นแบบล็อกด้วยสกรูเพื่อให้มั่นใจว่าปิดสนิทและช่วยเพิ่มความไวในการรับคลื่นวิทยุ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญ และทำให้ MR-G BF1000R มีความหรูหราสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของรุ่น MR-G แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงความสามารถใช้ในการใช้งานตามแบบฉบับของ Frogman เอาไว้อย่างครบถ้วน
ตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 49.7 มิลลิเมตร และหนา 18.6 มิลลิเมตร ใครที่ชอบนาฬิกาแบบบึกๆ หนาๆ MR-G BF1000R ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ ขณะที่ตัวสายยางแบบ Dura Soft ถือว่ามีความนุ่ม ไม่มีความกระด้างเลย และรัดกระชับกับข้อมือได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่ออยู่บนข้อมือไซส์ 7 นิ้วของผม ถือว่าลงตัวและถูกใจมาก ถือเป็น Frogman ที่ใส่ได้ง่ายและสะดวก ไม่เทอะทะจนเกินไป
นอกจากนั้น การแสดงผลและดีไซน์ของเข็ม รวมถึงเลย์เอาท์ในการวางรายละเอียดบนหน้าปัดคล้ายกับ GWF–A1000 ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2020 ตามปกติแล้วแฟนๆ ของ Frogman คุ้นเคยการแสดงผลของ Frogman ผ่านหน้าจอดิจิตอลบนหน้าปัดมาโดยตลอดนับจากปี 1993 แต่ในรุ่นนี้ แม้จะเป็นแบบเข็ม แต่ด้วยการอัพเกรดโมดุลและเพิ่มความสามารถให้กับตัวนาฬิกา
คุณสามารถใช้หน้าจอสมาร์ทโฟนในการแสดงข้อมือที่ตัวนาฬิกาได้รับและส่งออกมา ซึ่งมีประโยชน์ตรงที่ดูได้ละเอียดของข้อมูลที่ครบถ้วนตามความต้องการ และความชัดเจนในการมองเห็น เมื่อเปรียบเทียบกับหน้าจอของตัวนาฬิการุ่นก่อนๆ ที่เป็นดิจิตอล แต่อาจจะไม่สามารถแสดงผลได้ทันใจหากต้องการดูจากใต้น้ำ
บนหน้าปัดนาฬิกาจะมีเข็มชั่วโมง นาที และวินาทีในการแสดงเวลา หน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 3 นาฬิกา คือ หน้าปัดแสดงว่าในตอนนั้น นาฬิกากำลังอยู่ใน Mode อะไร และจะเปลี่ยนการชี้ตำแหน่งไปเรื่อยๆ เมื่อมีการกดปุ่ม Mode ในตำแหน่ง 8 นาฬิกา รวมถึงการบอกวันที่เมื่อนาฬิกาอยู่ใชนโหมดปกติ
ขณะที่หน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 6 นาฬิกาคือ หน้าจอแสดงเวลาที่ 2 ส่วนวงกลมเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างจะเป็นการบอกว่าเวลาที่นาฬิกาเรือนนั้นตั้งอยู่นั้นอยู่ในช่วง AMหรือ PM ส่วนวงกลมเล็กที่อยู่ในตำแหน่ง 10 นาฬิกา คือ การแสดงเวลาในแบบเข็มเดินรอบเดียวหรือ 24 ชั่วโมง
ในรุ่นนี้ใช้โมดุลในรหัส 5702 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น Casio Watches ส่วนรุ่น GWF-A1000 เป็นรหัส 5623 และเชื่อมต่อผ่านแอพลิเคชั่น Casio Connected โดยฟังก์ชั่นหลักๆ ไม่ต่างกัน โดยมีไฮไลท์คือ สามารถดูบันทึกกิจกรรมการดำน้ำ รวมถึงเวลาและสถานที่ดำน้ำ ตลอดจนเข้าถึงกราฟแสดงกระแสน้ำของจุดดำน้ำราว 3,300 จุดทั่วโลก
นอกจากนั้น การใช้มอเตอร์แบบดูอัลคอยล์ทำให้การสลับเปลี่ยนไปมาของเข็มชั่วโมงในการแสดงค่าเวลาและการจับเวลาใต้น้ำ ทำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนตัวโมดุลมาพร้อมระบบ Tough Solar ทำให้สามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์มาเป็นกระแสไฟฟ้า จึงมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะมีกระแสไฟฟ้าเพียงพอสำหรับพร้อมใช้งาน
นานๆ ทีเราจะได้เห็น Casio ผลิตนาฬิกาที่มีความโดดเด่นและน่าตื่นตาตื่นใจออกมาสู่ตลาด และผมคิดว่า Frogman MR-G BF1000R คือ หนึ่งในนั้น กับแนวคิดที่พวกเขาสามารถผสมผสานความพรีเมียมของคอลเล็กชั่นหนึ่งให้เข้ากับความทนทาน บึกบึน และประโยชน์ใช้สอยที่เต็มเปี่ยมของนาฬิกาอีกรุ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าใครเป็นสาวกของ Frogman แล้ว นี่คือ นาฬิกาอีกรุ่นที่จะต้องมีในคอลเล็กชั่น
ส่วนราคาจำหน่ายในบ้านเราอยู่ที่ 175,000 บาท ถือว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะตามปกติแล้ว คอลเล็กชั่น MR–G ก็มีราคาป้ายอยู่ราวๆ นี้อยู่แล้ว
รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-Shock Frogman MRG-BF1000R
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 49.7มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 56 มิลลิเมตร
- ความหนา :18.6 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือนและกรอบตัวเรือน: ไทเทเนียม
- กระจก: Sapphire
- กลไก: รหัส 5702 Tough Solar / Multiband 6 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth
- การกันน้ำ: 200 เมตร
- ประทับใจ : การขัดแต่งชิ้นงาน การออกแบบ และชื่อเสียงของ Frogman
- ไม่ประทับใจ : ไม่มี
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline