มาแล้วสำหรับ Casio G-Shock Frogman รุ่นใหม่ที่จะใช้รหัส GWF-A1000 พร้อมความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ กับการแสดงผลแบบเข็ม พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth โดยจะเริ่มขายในกรกฎาคมนี้
Casio G-Shock Frogman GWF-A1000 มนุษย์กบติดเข็มเชื่อม Bluetooth
-
เป็นครั้งแรกที่ Frogman หันมาใช้การแสดงผลแบบเข็ม
-
มีจำหน่ายในช่วงแรก 3 รุ่นและสามารถ Sync กับสมาร์ทโฟนได้
-
เริ่มขายในญี่ปุ่นกรกฎาคมนี้
หลังจากที่มีภาพและคลิปให้ดูกันเพลินๆ ในช่วงก่อนที่ COVID-19 จะระบาดจนเกิดคำถามขึ้นมาว่า มันใช่ของจริงไหม ในที่สุด Casio ก็ออกข่าวยืนยันเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาแล้วว่า Frogman ที่เป็นนาฬิการุ่นท็อปของกลุ่ม Master of G จะมีรุ่นใหม่ออกมาทำตลาดในรหัส GWF-A1000 กับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพราะว่าพวกเขาจะเมินหน้าจอดิจิตอล และหันมาทำอะไรที่เป็นแบบเข็มหรือ Analog Display แทน โดยในรุ่น GWF-A1000 จะมีจำหน่ายในตลาดช่วงแรกทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ส่วนจะเข้ามาแทนที่รุ่น GWF-D1000 หรือไม่นั้นยังไม่มีการเปิดเผย แต่เชื่อว่าน่าจะไม่ และน่าจะทำตลาดแบบคู่ขนานตามสไตล์ของ Casio
รุ่นที่ทำตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 รุ่นคือ GWF-A1000-1A2 แบบตัวเรือนสีดำ-น้ำเงิน ตามด้วย GWF-A1000-1A4 ตัวเรือนดำสายแดง และ GWF-A1000-1A ตัวเรือนดำสายดำ สำหรับรุ่นนี้จะมีขนาดใกล้เคียงกับ GWF-D1000 โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 53.3 มิลลิเมตร Lug to Lug 56.7 มิลลิเมตร และหนา 19.7 มิลลิเมตร มีน้ำหนักอยู่ 119 กรัม
Frogman GWF-A1000 จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี Carbon Core Guard หรือ Carbon Monocoque Case นั่นเท่ากับว่าตัวเรือนหลัก (ก่อนที่จะถูกหุ้มด้วยกรอบเรซิน) จะผลิตจากคาร์บอนคอมโพสิต และเป็นแบบชิ้นเดียวไม่มีฝาหลังแบบถอดได้ ดังนั้นงานนี้ถ้าจะเซอร์วิสก็มาแบบเดียวกับ Seiko Tuna Can 1000m คือ เปิดจากด้านบนเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่จะเตือนคือ อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดพลังจนเสื่อมสภาพ และหมั่นเอาออกมาตากแดดบ่อยๆ หากไม่ได้มีการใช้งาน
ตรงนี้ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Frogman เปิดตัวรุ่นแรกอย่าง DW-6300 ในปี 1993 เลยก็ว่าได้ ในการที่พวกเขาหันมาใช้กลไกแบบเข็มในการแสดงเวลา รวมถึงฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่อยู่ในโมดุลใหม่รุ่นนี้เป็นรหัส 5623 ซึ่งจุดเด่นที่มีการเปิดเผยออกมาคือ
- Sync กับสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าสู่ Application G-Shock Connected ได้
- แสดงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงผ่านทางหน้าปัดย่อย
- แสดงเวลาที่ 2 ในแบบ Dual Time บนหน้าปัดเดียวกัน
ดังนั้น การ Sync เวลาสามารถทำได้ 2 วิธีคือ ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟนเพื่อปรับเวลาตาม Server Time และอีกส่วนคือ การ Calibate ตามระบบ Multiband 6 ของโมดุลซึ่งแบบหลังจะมีข้อจำกัดตรงที่ต้องปรับเฉพาะภูมิภาคที่มีเสาส่งสัญญาณซึ่งมีแค่ 6 จุดทั่วโลก และเฉพาะในจีนเท่านั้นที่จะปรับเวลาได้เพียงแค่ 5 ครั้งต่อวัน ส่วนที่เหลือรับได้ 6 ครั้งต่อวัน
ในส่วนของระบบพลังงานนั้น Tough Solar ยังหน้าที่หลักในการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อชาร์จจนเต็มจะอยู่ได้ราวๆ 5 เดือนสำหรับการใช้งานทั่วไป และ 30 เดือนกรณีที่เก็บใส่กล่องเอาไว้ในที่มืดและตัวนาฬิกาอยู่ในโหมดจำศีลหรือ Power Saving
ส่วนเรื่องของความสามารถในการกันน้ำนั้น ไม่ต้องห่วง เพราะถ้าแปะชื่อ Frogmam มาแล้ว นาฬิกาเรือนนี้สามารถใช้งานใต้น้ำได้อย่างมั่นใจสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO
สำหรับราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับ GWF-D1000 นั่นหมายความว่า ค่าตัวของ GWF-A1000 น่าจะเริ่มต้นที่ 100,000 เยน ส่วนการทำตลาดจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ที่ญี่ปุ่น ตลาดกลุ่มอื่นๆ ก็รอกันต่อไป
รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-Shock Frogman GWF-A1000
- ตัวเรือน : แบบ Monocoque Case ไม่มีฝาหลัง ผลิตจากคาร์บอนคอมโพสิต และกรอบตัวเรือนแบบเรซิน
- เส้นผ่านศูนย์กลาง :53.3 มิลลิเมตร
- Lug to Lug :56.7 มิลลิเมตร
- หนา :19.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 119 กรัม
- กระจก : แซฟไฟร์
- การกันน้ำ : 200 เมตร
- กลไก : Module 5623
- ฟังก์ชั่น : Sync สมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth / ปรับเวลาทั่วโลกผ่านระบบ Multiband 6 / ดูระดับน้ำขึ้น-ลง / ระบบชาร์จกระแสไฟฟ้าผ่านแสดงอาทิตย์หรือ Tough Solar / จับเวลาเดินหน้า – ถอยหลัง
- กำลังสำรอง : 5 เดือนสำหรับการใช้งานทั่วไป และ 30 เดือนกรณีที่เก็บใส่กล่องเอาไว้ในที่มืดและตัวนาฬิกาอยู่ในโหมดจำศีลหรือ Power Saving
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/