เริ่มต้นการฉลองครบรอบ 40 ปีของการก่อตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า ด้วยรุ่นแรกของ 40th Anniversary ที่เปิดตัวออกมาแล้วอย่างน่าสนใจกับ Solar Flare ซึ่งจะนำนาฬิการุ่นเด่น 2 รุ่นคือ GWG2000 และ MTG-B3000 มาเติมสีสันความสวยงามเพื่อให้สมกับปีแห่งการเฉลิมฉลองของ Casio G-Shock
Casio G-Shock 40th Anniversary Flare Red ฉลอง 40 ปีด้วยเปลวสุริยะ
-
การฉลองครบรอบวาระ 40 ปีในการก่อกำเนิดของ G-Shock
-
เปิดตัวด้วยรุ่นแรกกับคอนเซ็ปต์ Solar Flare พร้อมใช้นาฬิการุ่น GWG2000 และ MTG-B3000
-
เมืองไยมีการเปิดตัวออกมาแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ 50,500 และ 69,000 บาท
ปีหน้าจะถือเป็นปีที่มีความพิเศษสำหรับ Casio G-Shock เพราะจะครบรอบอายุ 40 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1983 และแน่นอนว่าตามธรรมเรียมของแบรนด์พวกเขามักจะมีนาฬิการุ่นพิเศษที่เป็นการจับเอานาฬิการุ่นต่างๆ ที่มีขายอยู่แล้วมาเติมความพิเศษทั้งรูปลักษณ์และฝาหลัง ซึ่งรุ่นแรกของคอลเล็กชั่นนี้ได้เปิดตัวออกมาแล้วกับชื่อเล่น Flare Red ที่ใช้พื้นฐานของรุ่น Mudmaster ใหม่ และ MTG
สำหรับรุ่นพิเศษ Flare Red นี้จะเลือกใช้การตัดกันของสีสันระหว่างแดง ส้ม และดำ โดยสื่อถึงความจัดจ้านของแสงอาทิตย์และพลังจากการระเบิดของเปลวไฟของดวงอาทิตย์ที่เรียกกันว่าเปลวสุริยะ หรือ Solar Flare ขณะที่ปุ่มกดต่างๆ และฝาหลังที่มีสัญลักษณ์ครบรอบ 40 ปีก็จะมีสีทองออกโทน Rose Gold ที่เข้าชุดกันได้เป็นอย่างดี
GWG-2040FR-1A :
- พัฒนาบนพื้นฐานของ Mudmaster รุ่นใหม่ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยจะมาพร้อมกับตัวเรือนแบบ Carbon Core Guard และกรอบด้านหน้าได้รับการผลิตจากคาร์บอน แต่มีความพิเศษตรงมีการเปลี่ยนจากสีเทาดำมาเป็นสีส้ม-แดงเพื่อเติมความน่าสนใจให้เข้ากับ Theme ของคอลเล็กชั่น
- เช่นเดียวกับบรรดาขอบด้านใน เข็มและฟอนต์ที่อยู่บนตัวเรือนและสายก็จะมากับสีแดงและส้ม GWG-2040 มากับตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 54.4 มิลลิเมตร และหนา 16.1 มิลลิเมตร ส่วนโมดุลเป็นรุ่นใหม่รหัส 5678 มาพร้อมระบบ Multiband 6 และ Tough Solar ในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่ และมี Tripel-Sensor เพื่อทำให้ตัวนาฬิกาสามารถวัดได้ทั้งความสูง ความกดอากาศ อุณหภูมิ และเข็มทิศไฟฟ้า
MTG-B3000FR-1A :
- ถือเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนกันที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตเป็นเวอร์ชันพิเศษ โดยตัวนาฬิกาจะใช้เทคนิคเดียวกับ GWG-2040 ในการผลิตขอบตัวเรือนที่เรียกว่า Multicolor Carbon Bezel ส่วนพื้นหน้าปัดจะเป็นสีดำแต่มีลวดลายที่สะท้อนถึงพลังของเปลวสุริยะ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของรุ่นใหม่จะอยู่ที่ 50.9 มิลลิเมตร ส่วนโมดุลจะเป็นรหัส 5672 แบบ Maultiband6 สามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่
- โดยเมื่อชาร์จจนเต็มและอยู่ในโหมด PS หรือ Power Saving อยู่ในที่มืดและไม่โดนแสง จะสามารถอยู่ได้นาน 18 เดือน ส่วนการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ยังทำได้เหมือนเดิม และสามารถสั่งงานผ่านทางแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเวลาตามเขตเวลาที่ครอบคลุม 300 เมืองทั่วโลก การตั้งปลุก 5 ครั้งต่อวัน หรือการจับเวลาเดินหน้า-ถอยหลัง
ทั้ง 2 รุ่นนี้ได้นำมาจัดแสดงที่งาน Central International Watch Fair 2022 ที่จัดขึ้นจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ พร้อมจำหน่าย ซึ่งรุ่น GWG-2040FR-1A มีราคาอยู่ที่ 50,500 บาท และรุ่น MTG-B3000FR-1A จะอยู่ที่ 69,000 บาท
รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-Shock MTG-B3000FR-1A
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 50.9 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 51.9 มิลลิเมตร
- ความหนา: 12.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 148 กรัม
- โมดุล: 5672 Multiband 6 Tough Solar
- การกันน้ำ: 200 เมตร
รายละเอียดทางเทคนิค : Casio G-Shock Mudmaster GWG-2040FR-1A
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 54.4 มิลลิเมตร
- Lug to Lug: 61.2 มิลลิเมตร
- ความหนา: 16.1 มิลลิเมตร
- กระจก: Sapphire
- โมดุล: รหัส 5678 Multiband 6 / Tough Solar
- ฟังก์ชั่น: จับเวลาเดินหน้า / ถอยหลัง / ตั้งปลุก / World Time / เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ / วัดความกดอากาศ / วัดความสูง / วัดอุณหภูมิ
- กำลังสำรอง: 25 เดือนเมื่อชาร์จเต็ม โดยที่ไม่โดนแสงแดดหรือแสงไฟ และอยู่ในโหมด Power Saving
- การกันน้ำ: 200 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline