Cartier Tank Française เรือนเวลาสุดคลาสสิกจากตระกูล Tank ที่กลับมาดึงดูดสายตาทุกคู่อีกครั้ง พร้อมสืบทอดนิยามแห่งสไตล์ในแบบฉบับฝรั่งเศส โดยเปี่ยมด้วยคุณสมบัติรอบด้าน เรียบง่ายแต่ภูมิฐาน มีความเป็นชายคู่ความเป็นหญิง นำเสนอเสน่ห์สุดคลาสสิกที่สร้างความแตกต่าง สง่างามไร้กาลเวลา ถ่ายทอดสัญลักษณ์แห่งสุนทรียะ และศิลปะการก้าวทันยุคสมัยในแบบฉบับของ Tank
Cartier Tank Française ความคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลา
-
การกลับมาของ Tank Française ที่เคยเปิดตัวครั้งแรกในปี 1966
-
มีทางเลือกของตัวเรือน 3 ไซส์ และ 2 แบบสำหรับวัสดุนั่นคือสแตนเลสสตีล และ Yellow Gold
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติสำหรับรุ่นใหญ่ และ 2 รุ่นเล็กขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์
Cartier Tank นาฬิกาที่มีจุดกำเนิดแห่งดีไซน์ที่คลาสสิคและอยู่เหนือกาลเวลาได้เดินทางมาสู่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Tank Française ซึ่งยังคงกลิ่นอายแห่งการออกแบบดั้งเดิมแต่มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับกาลเวลาที่แปรเปลี่ยนไปทั้งในเรื่องของขนาดตัวเรือนที่เพรียวขึ้น พร้อมกลไกอัตโนมัติในรหัส Calibre 1853
ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ในการปรับเปลี่ยนตนเองและยืนหยัดผ่านกาลเวลา คือมรดกตกทอดจากการออกแบบที่ชาญฉลาด สำหรับผู้มีสุนทรียะในหัวใจ สมกับเป็นเรือนเวลาที่ได้รับเลือกให้คงอยู่ไปตลอดกาล และในปี 2023 Tank Française กลับมาพร้อมกับงานออกแบบที่เปลี่ยนไปตามกาลเวล และถือเป็นการกลับมาในรอบ 27 ปี
โดยนาฬิการุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1996 พร้อมสายโลหะที่กลมกลืนกับตัวเรือนอย่างไร้ที่ติ และได้ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกตระกูล Tank อันยิ่งใหญ่ในทันที พร้อมกับมีทางเลือกของขนาดตัวเรือนที่หลากหลาย
“Tank Française รุ่นใหม่ สะท้อนความเชื่อมั่นในเชิงสร้างสรรค์ เฉกเช่นเดียวกับการกลับมาค้นพบ เนื้อแท้ที่ยังไม่ผ่านการขัดเกลาของพลอยที่เจียระไนแล้วอีกครั้ง โดยเป็นการจับรูปทรงที่แหวกขนบของนาฬิกามาปรับเส้นสายหลักให้เรียบง่ายขึ้น ตัดทอนรายละเอียดการออกแบบที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน” Marie-Laure Cérède (มารี-ลอร์ เซเรด) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์จิวเวลรี่และนาฬิกา
สำหรับรุ่นใหม่จะมีทั้งตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล และ Yellow Gold โดยจะมีหลากหลายขนาดตัวเรือน คือ
- SM หรือ Small Model มีขนาด 25.7 x 21.7 x 6.8 มิลลิเมตร
- MM หรือ Medium Model มีขนาด 32 x 27 x 7.1 มิลลิเมตร
- LM หรือ Large Medium มีขนาด 36.7 x 30.5 x 10.1 มิลลิเมตร
-
SM หรือ Small Model มีขนาด 25.7 x 21.7 x 6.8 มิลลิเมตร
-
MM หรือ Medium Model มีขนาด 32 x 27 x 7.1 มิลลิเมตร
-
LM หรือ Large Medium มีขนาด 36.7 x 30.5 x 10.1 มิลลิเมตร
ทั้งหมดมาพร้อมกับดีไซน์ที่ถูกออกแบบโดยอ้างอิงงานสร้างสรรค์ดั้งเดิมของ Tank ที่คุ้นเคยกันมานาน ตัวเรือนทรงเหลี่ยมสูง มาพร้อมกับหน้าปัดที่มี Railroad Minute Track ในการระบุสเกลของนาที พร้อมหลักชั่วโมงที่เป็นตัวเลขโรมัน ตามด้วยเข็มทรง Sword ปลายแหลม และเฉพาะรุ่น LM เท่านั้นที่จะมากับหน้าต่างวันที่ (Date) ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกา ส่วนสีพื้นของหน้าปัดจะมีทั้งสีเงินสำหรับตัวเรือนสแตนเลสสตีล และสีแชมเปญสำหรับตัวเรือน Yellow Gold
ที่สำคัญคือ การออกแบบลวดลายและรูปแบบของสายโลหะจะมีลักษณะที่ดูคล้ายกับล้อตีนตะขาบของรถถัง ซึ่งนั่นคือ จุดกำเนิดของ Tank ที่ Louise Cartier ออกแบบนาฬิกาเรือนนี้ขึ้นมาโดยอ้างอิงถึงรถถัง Renault Tank FT ที่ถูกใช้โดยกองทัพฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
แน่นอนว่าทั้ง 3 ตัวเรือนจะมีทางเลือกของกลไกที่แตกต่างกันออกไป โดยตัวเรือนไซส์ SM และ MM จะมากับกลไกควอตซ์ แบบ High-Autonomy ที่มีอายุแบตเตอรี่ยาวนานถึง 8 ปี ขณะที่รุ่น LM จะใช้กลไกอัตโนมัติ Calibre 1853 ที่เป็นการพัฒนามาจากกลไกของ Sellita SW100 หรือร่างจำแลงของ ETA2671 นั่นเอง มีกำลังสำรองสูงสุด 37 ชั่วโมง
ถือเป็นการกลับมาที่ไม่ธรรมดาและยังคงกลิ่นอายอันสุดคลาสสิคของคอลเล็กชั่น Tank โดยรุ่นสแตนเลสสตีลจะมีจำหน่ายทั้งตัวเรือน 3 ขนาด แต่สำหรับรุ่น Yellow Gold จะมีแค่ตัวเรือนไซส์ SM และ MM โดยรุ่น MM จะมีทางเลือกด้วยรุ่นประดับเพชร โดยราคาเริ่มต้นของ Cartier Tank Française ใหม่จะอยู่ที่ 3,750 ยูโร
รายละเอียดทางเทคนิค : Cartier Tank Française
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 21.7, 27 และ 30.5 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 25.7, 32 และ 36.7 มิลลิเมตร
- ความหนา : 6.8, 7.1 และ 10.1 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสสตีล และ Yellow Gold
- กลไก : ควอตซ์ และอัตโนมัติ Calibre 1853
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงสำหรับรุ่นอัตโนมัติ
- กำลังสำรอง : 37 ชั่วโมงสำหรับรุ่นอัตโนมัติ
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline