Breitling Top Time B31 ขยายทางเลือกสู่รุ่น 3 เข็มพร้อมกลไกใหม่

โดย

GoodTimes

31/03/2025

หลังจากที่มีการผลิตรุ่น Chronograph ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ Breitling ขยับทางเลือกใหม่ให้กับ Top Time ด้วยรุ่น Breitling Top Time B31 มากับตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร มาพร้อมความบางเพียง 10.3 มิลลิเมตร และขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติรุ่นใหม่ B31 ที่ใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 4 ปี

Breitling Top Time B31 ขยายทางเลือกสู่รุ่น 3 เข็มพร้อมกลไกใหม่

หลังจากที่มีแต่รุ่น Chronograph ในตอนนี้ Breitling ขยายสู่รุ่น 3 เข็ม
ตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร มาพร้อมความบางเพียง 3 มิลลิเมตร
ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติรุ่นใหม่ B31 ที่ใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 4 ปี

- Advertisement -

พร้อมกับการเปิดตัว Austin Butler ในฐานะ Ambassador คนใหม่ของแบรนด์ ทาง Breitling เผยโฉมนาฬิการุ่นใหม่ของคอลเล็กชั่น Top Time กับรุ่น Breitling Top Time B31 ซึ่งได้มีการปรับปรุงจากเวอร์ชัน Chronograph สู่เรือนเวลาแบบ 3 เข็มที่มีขนาดตัวเรือน 38 มิลลิเมตร พร้อมกับกลไกใหม่ในรหัส B31 ซึ่งเป็นกลไก Manufacturer ที่ถูกคิด ออกแบบ สร้างสรรค์ และผลิตจากในโรงงานของ Breitling

นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 นาฬิกา Top Time ไม่ได้เป็นทำหน้าที่ของการเป็นเรือนเวลาเพื่อบอกเวลาเท่านั้น แต่ยังเป็นนาฬิกาถูกนำเสนอแนวคิดของการปลดปล่อยตัวเองสู่โลกเสรีแห่งความเร็วตามแบบฉบับนาฬิกาจับเวลา หรือ Chronograph Watch ที่ Willy Breitling ได้ถ่ายทอดพลังแห่งจิตวิญญาณอิสระของยุคนั้นได้ เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงตัวตน โดยถูกสร้างเพื่อความเร็วและสไตล์ จนทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มคนที่ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ต นอกจากนั้น ตัวนาฬิกายังเคยปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ James Bond ตอน Thunderball ที่ออกฉายในปี 1965 อีกด้วย

ที่ผ่านมาหลังจากที่ Top Time ได้ถูกนำกลับมาบรรจุเป็นคอลเล็กชั่นหลักของ Breitling อีกครั้ง สิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิม คือ การพัฒนาให้สอดรับกับภาพลักษณ์ของตัวนาฬิกาซึ่งมีความสอดคล้องกับโลกแห่งความเร็ว ด้วยการเปิดตัวเวอร์ชันต่างๆ ที่กี่ยวพันกับรถสปอร์ต โดยเฉพาะในกลุ่ม American Muscle แต่ทุกเรือนก็มาในแบบจับเวลา Chronograph

สำหรับรุ่นนี้จะเป็นเวอร์ชัน 3 เข็มของ Top Time โดยทุกรุ่นมากับตัวเรือนที่ผลิตจากสเตนเลสสตีลขนาด 38 มิลลิเมตร รูปทรงเพรียวบางเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ช่วยให้สวมใส่สบายและกระชับกับข้อมือ คุณสมบัติหลักสองประการทำให้เป็นไปได้ คือขาสายที่มีความเรียวบางและคริสตัลที่มีสองชั้นโค้งมน ซึ่งช่วยปรับปรุงรูปทรงให้มีลักษณะเรียบเนียนและเพรียวบาง โดยตัวนาฬิกามีความหนาเพียง 10.3 มิลลิเมตรเท่านั้น

โดยมีจำหน่ายทั้งรุ่นสายหนัง และสายสเตนเลสสตีล ส่วนสีสันของหน้าปัดจะมีให้เลือกตามนี้

AB3113A71C1A1 : หน้าปัดน้ำเงิน ขอบที่มีสเกลตัวเลขสำหรับจับเวลาจะเป็นสีขาว มาพร้อมสายสเตนเลสสตีล
AB3113A71C1X1 : หน้าปัดน้ำเงิน ขอบที่มีสเกลตัวเลขสำหรับจับเวลาจะเป็นสีขาว มาพร้อมสายหนังสีน้ำเงิน
AB3113171L1A1 : หน้าปัดเขียว ขอบที่มีสเกลตัวเลขสำหรับจับเวลาจะเป็นสีดำ มาพร้อมสายสเตนเลสสตีล
AB3113171L1X1 : หน้าปัดเขียว ขอบที่มีสเกลตัวเลขสำหรับจับเวลาจะเป็นสีดำ มาพร้อมสายหนังสีเขียว
AB3113281A1A1 : หน้าปัดขาว ขอบที่มีสเกลตัวเลขสำหรับจับเวลาจะเป็นสีฟ้าอ่อน มาพร้อมสายสเตนเลสสตีล
AB3113281A1X1 : หน้าปัดขาว ขอบที่มีสเกลตัวเลขสำหรับจับเวลาจะเป็นสีฟ้าอ่อน มาพร้อมสายหนัง

หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน คือ กลไกแบบ Manufacturer รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่ง Breitling ใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 4 ปี โดยความสวยงามของกลไกที่มีการขัดแต่งทั้งลายเจนีวา สไตรป์ และเพอร์ลาจ การประกอบกลไกจะมีขึ้นที่โรงงานใน La Chaux-de-Fonds และเช่นเดียวกับกลไกการผลิตทั้งหมดของ Breitling B31 เป็นโครโนมิเตอร์ที่ผ่านการรับรองจาก COSC ซึ่งรับประกันความแม่นยำที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังผ่านการทดสอบเทียบเท่ากับการใช้งาน 16 ปี ได้แก่ การขึ้นลาน 100,000 ครั้ง การเหวี่ยงนาฬิกาเหมือนกับสวมอยู่บนข้อมือแล้วแขนแกว่งหรือเปลี่ยนทิศทางจำนวน 3,456,000 ครั้ง และการกระแทก 60,000 ครั้ง โดยกำลังสำรองจะอยู่ที่ราวๆ 78 ชั่วโมง