Breitling (ไบร์ทลิ่ง) เติมสีสันให้กับรุ่นSuperocean Heritage ’57 ด้วย Capsule Collection เปลี่ยนหน้าปัดใหม่ชวนย้อนยุคกลับสู่สมัยทศวรรษที่ 1950 และ 1960 แถมด้วยรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาเพียง 250 เรือนเท่านั้น
Breitling Superocean Heritage ’57 Capsule Collection เพิ่มความสนุกบนความหรู
- เติมสีสันให้กับนาฬิการุ่นคลาสสิคอย่าง Superocean Heritage ’57 ด้วยรุ่น Capsule Collection
- มีจำหน่ายหน้าปัด 3 สี และอีก 1 สำหรับรุ่น Limited Edition ที่ผลิตออกมาเพียง 250 เรือน
- ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 138,000 บาทสำหรับรุ่นสายหนังแบบหัวเข็มขัด
นานๆ ทีเราจะได้เห็นแบรนด์อย่าง ไบร์ทลิ่ง ทำอะไรที่หลุดออกจากกรอบแบบเดิมๆ บ้าง เพราะคอลเล็กชั่นใหม่อย่าง Superocean Heritage ’57 Capsule Collection ของพวกเขา มีการเติมสีสันให้ตัวนาฬิกานั้นดูมีความสนุกสนานมากขึ้นแต่ก็ยังคงกลิ่นอายของความหรูและความคลาสสิคตามแบบฉบับของแบรนด์เอาไว้อย่างครบถ้วน
บอกก่อนว่านาฬิการุ่นนี้เป็นการผลิตในแบบที่เรียกว่า Capsule Collection หรือที่ภาษาบ้านๆเรียกว่า การโยนหินถามทาง โดย Capsule Collection เป็นการผลิตที่มีปริมาณไม่มากนัก ไม่มีแบบแผนอะไร เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดไปไม่รอด โดยนอกจากรุ่นธรรมดาแล้วในรุ่นนี้ยังมีตัว Limited Edition ที่เรียกว่า Boutique Rainbow และ Brietling ได้เอาแนวคิดนี้มาใช้กับนาฬิกาดำน้ำของพวกเขาอย่าง Superocean Heritage’57 กับสไตล์การออกแบบในแนวย้อนยุคนิดๆ เพื่อเอาใจนักเล่นกระดานโต้คลื่นด้วยดีไซน์และการให้สีสันบนตัวนาฬิกาและสายสอดคล้องกับยุคทศวรรษที่ 1950 และ 1960
ตัวนาฬิกาใช้ตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มิลลิเมตรและความกว้างขาสาย 20 มิลลิเมตร พร้อมกับมีการปรับแต่งลวดลายบนหน้าปัดใหม่ โดยเฉพาะในหลักชั่วโมงที่สำคัญอย่าง 12-3-6-9 ที่มีลักษณะเป็นวงกลมมีขีดตรงกลาง ส่วนตัวเรือนก็ผลิตจาก Stainless Steel และแบบหรูขึ้นมาหน่อยก็มีทองคำ 18K Red Gold แทรกอยู่ตามจุดต่างๆ ของตัวเรือน และหน้าปัด ส่วนสายก็มีทั้งสายถักแบบ Milanese Strap สายหนัง ไปจนถึงสายผ้าไนลอน ส่วนหน้าปัดในรุ่นปกติจะเป็นสีดำ สีฟ้า และสีน้ำตาลบวก Rose Gold
ในรุ่นพิเศษที่เรียกว่า Boutique Rainbow จะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ตรงที่หลักชั่วโมงและชุดเข็มในส่วนของพรายน้ำนั้นจะมีการแต้มสีสันครบทั้ง 7 สีบนสายรุ้งทำให้ตัวนาฬิกาดูสวยและโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน และผลิตออกสู่ตลาดเพียง 250 เรือนเท่านั้น
ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยกลไก Breitling 10 สามารถสำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ให้ความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer ตัวนาฬิกาสามารถกันน้ำได้ 100 เมตร พร้อมกระจกแบบ Sapphire เคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้ง 2 ฝั่ง
สำหรับราคาจำหน่ายในบ้านเรานั้น ถ้าเป็นรุ่น Boutique Rainbow อยู่ที่ 158,000 บาทสำหรับสาย Milanese และ 142,000 บาทสำหรับสายหนัง ส่วนรุ่นหน้าดำ-น้ำเงินถ้าเป็นสาย Milanese จะอยู่ที่ 152,000 บาท และสายหนังพร้อมหัวเข็มขัด 138,000 บาท และ 144,000 บาทสำหรับรุ่นที่ใช้บานพับ สำหรับรุ่นหน้าปัดน้ำตาลบวก Red Gold 18K นั้นแพงสุด สำหรับสาย Milanses ราคา 178,000 บาท และสายหนัง 158,000-164,000 บาท
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/