Bell & Ross BR-X5 Green Lum เรืองแสงทั้งเรือนด้วยวัสดุใหม่

โดย

MP4/4

07/12/2023

การกลับมาของคอลเล็กชั่น Lume จาก Bell & Ross ซึ่งครั้งนี้ความเรืองแสงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนหน้าปัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบนตัวเรือนที่ใช้วัสดุประเภทใหม่ที่เรียกว่า LM3D ซึ่งเป็นวัสดุแบบ Photoluminescent composite material ผลิตมาจากใยของแร่ควอตซ์ พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไก CAL-BR.323 และมีการผลิตออกสู่ตลาดเพียง 500 เรือนเท่านั้น

Bell & Ross BR-X5 Green Lum เรืองแสงทั้งเรือนด้วยวัสดุใหม่

การกลับมาของเวอร์ชันเรืองแสงของ Lum Collection
ตัวเรือนมีการใช้วัสดุอย่าง Photoluminescent composite material ผสมกับไทเทเนียม
ขับเคลื่อนด้วยกลไก BR-CAL.323 มีกำลังสำรอง 70 ชั่วโมง

- Advertisement -

นอกจากรุ่นธรรมดาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่ามีให้เห็นและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของแบรนด์ Bell & Ross คือ Lum Collection ที่มีให้เห็นมาตั้งแต่ปี 2017 แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรายละเอียดของหน้าปัดที่เรืองแสงแบบสว่างจ้า ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก 2 แบบด้วยกัน คือ เป็นการนำรุ่น Lum มาอยู่กับคอลเล็กชั่น BR-X5 และอีกเรื่องคือ การเรืองแสงไม่ได้อยู่ที่หน้าปัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวเรือนด้วย

Bell & Ross BR-X5 Green Lum

เรื่องของความชัดเจนในการมองเห็น ถือเป็นเป้าประสงค์หลักในด้านการออกแบบของแบรนด์ ไม่ว่าจะเรื่องของความโดดเด่นในแง่การออกแบบตัวเรือนเท่านั้น

แต่การดึงสายตาด้วยการใช้ความพิเศษของวัสดุก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง และ LUm Collection ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาในปี 2017 กับนาฬิการุ่นแรกคือ BR03-92 Horolum ที่มากับหน้าปัดซึ่งมีการเคลือบสารเรืองแสง SuperLuminova สีเขียวอ่อนเอาไว้ที่หลักชั่วโมงและเข็มชั่วโมง-นาที

จากนั้นในปี ต่อมา Lum Collection ก็มีทางเลือกมากขึ้นแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในคอลเล็กชั่น BR03-92 ขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร และหนึ่งในนั้นคือ เวอร์ชันที่ Collaboration กับแบรนด์ Bathing APE

จากนั้นในปี 2021 ก็เพิ่มอีกทางเลือกสู่นาฬิกาดำน้ำอย่าง BR03-92 Diver ตามด้วยรุ่น BR V2-94 แบบ Full LUM และ BR 05 ก่อนที่จะมีรุ่น BR V2-92 แบบ 3 เข็มเปิดตัวหน้าปัดแบบ Full Lum ออกมาเป็นรุ่นล่าสุดในปีที่แล้ว

Bell & Ross BR-X5 Green Lum

สำหรับ BR-X5 Green Lum ถือเป็นรุ่นล่าสุดของนาฬิกา Lum Collection ของแบรนด์ที่มีความแปลกใหม่ที่ถือเป็นครั้งแรกด้วยกัน เรื่องแรกคือ เป็น Lum Collection ครั้งแรกสำหรับ BR-X5 ส่วนอันที่ 2 คือ เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้มีแค่การเรืองแสงเฉพาะหน้าปัดเท่านั้น แต่รวมถึงตัวเรือนด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องยกประโยชน์ให้กับนาฬิการุ่น BR-X-5 ในแง่ของโครงสร้างตัวเรือนที่ถูกแบ่งออกเป็นชั้นๆ ไม่ใช่เป็นตัวเรือนเดี่ยวๆ เหมือนกับนาฬิกาปกติทั่วไป ทำให้สามารถแยกชิ้นส่วนออกมาเคลือบสารเรืองแสงได้

ตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตรจะประกอบด้วยหลายชิ้นส่วน แต่ส่วนบนและขอบตัวเรือนจะเป็นการผลิตจากวัสดุที่ถูกเรียกว่า LM3D ซึ่งเป็นวัสดุแบบ Photoluminescent composite material ผลิตมาจากใยของแร่ควอตซ์ ซึ่งจะให้พลังในการเรืองแสงเมื่ออยู่ในที่มืด นอกจากนั้นจะมีการนำไทเทเนียมเกรด 2 ที่ผ่านการเคลือบ DLC สีดำมาใช้ในการผลิตขอบตัวเรือนด้านบนและฝาหลังของตัวนาฬิกา

นอกจากตัวเรือนและขอบตัวเรือน ส่วนที่อยู่บนหน้าปัดทั้งหลักชั่วโมง เข็มต่างๆ ก็สามารถเรืองแสงได้ จึงทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความสวยและเด่นเมื่ออยู่ในยามค่ำคืน หรือที่แสงน้อย ขณะที่การขับเคลื่อนเป็นกลไกอัตโนมัติในรหัส BR-CAL.323

ซึ่งเป็นกลไกที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาจาก Kenissi มีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer จาก COSC และมีกำลังสำรองในระดับกว่า 70 ชั่วโมง หรือที่เรียกว่า Weekend Proof ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถถอดนาฬิกาวางเอาไว้หลังจากกลับบ้านในคืนวันศุกร์ และตื่นมาในเช้าวันจันทร์โดยที่สามารถสวมนาฬิกาต่อได้เลย ไม่ต้องตั้งเวลาใหม่ โดยบนหน้าปัดในตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะมีหน้าปัดย่อยซึ่งทำหน้าที่เป็น Power Reserve Indicator