หลังจากเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2019 ในที่สุดนาฬิกาที่เฝ้ามองอย่าง Aquadive Poseidon GMT ก็เดินทางมาถึงมือแล้ว และไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
Aquadive Poseidon GMT สวย หรู แต่ราคาไม่ธรรมดา
-
คอลเล็กชั่นที่ผลิตร่วมกับ Poseidon แบรนด์ผลิตอุปกรณ์ดำน้ำจากสวีเดน
-
มากับตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร พร้มสายยาง 2 เส้นจาก ISOFRANE
-
กลไก ETA-2893-2 พร้อมฟังก์ชั่น GMT และผลิตจำกัดเพียง 300 เรือนเท่านั้น
เคยมีคนถามผมนะครับว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรในการซื้อนาฬิกาสักเรือน ? คำตอบของผมคือ ‘ไม่มี’ เอาเป็นว่าถ้าชอบผมไม่ลังเลเลยที่จะสอยมันเข้ากรุ (ถ้าสามารถทำได้) แต่อย่าถามนะว่าจะเจ็บตัวขนาดไหนถ้าต้องขายต่อ เพราะเรื่องตรงนี้ไม่เคยอยู่ในหัวสักเท่าไร ดังนั้น เมื่อแรกพบกับเจ้า ‘King of the sea’ ซึ่งเป็นชื่อโปรเจ็กต์ของ Aquadive Poseidon GMTผมจึงไม่ลังเลที่จะตกหลุมรักมันอย่างจัง เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อยในการหาพื้นที่บนบัตรเครดิตเพื่อกดสั่งซื้อทางออนไลน์ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับก่อกำเนิดของ COVID-19 ที่สร้างความระทมให้กับเราจนถึงตอนนี้
เล่าให้ฟังก่อนว่าผมตกหลุมรักนาฬิกาของ Aquadive เมื่อเห็นจากเว็บของ Saggio ที่เมื่อก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อค้าขายของแปลกสำหรับวงการนาฬิกาไทย เพราะพวกเขาเลือกจับแต่ Microbrand เข้ามาตลาด ซึ่ง Aquadive คือ หนึ่งในนั้น ในตอนนั้น ผมไม่รู้จักประวัติของ Aquadive สักเท่าไร รู้อย่างเดียวว่าชอบเจ้า Bathysphere GMT อย่างมาก แต่ด้วยราคาที่แสนนึงมีทอนนิดหน่อย ทำให้ต้องถอยกราวและทำเป็นลืมไปเลย
อย่างไรก็ตาม การได้ทำเว็บ ana-digi.com ทำให้ผมต้องมาเจอกับ Aquadive อีกครั้งเพราะหน้าที่การงาน และเมื่อปลายปี 2019 ก็ได้ทราบว่าพวกเขากำลังผุดโปรเจ็กต์ King of the sea ขึ้นมาโดยร่วมมือกับ Poseidon ซึ่งไม่ใช่แบรนด์สถานที่ทำความสะอาดร่างกายและเพิ่มความกะปรี้กะเปร่าให้กับจิตใจ แต่เป็นแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ดำน้ำหรือ Diving Tool ชื่อดังจากสวีเดน สารภาพเช่นกันว่า ชื่อของ Poseidon สำหรับผมไม่ได้มีผลอะไรต่อการตัดสินใจ เพราะผมไม่ใช่นักดำน้ำ แต่เป็นมนุษย์ออฟฟิศที่หลงรักนาฬิกาดำน้ำ ดังนั้น ราคาบนหน้าเว็บต่างหากคือสิ่งที่ทำให้ผมตาผมลุกวาว
เงื่อนไขในการซื้อตอนนั้นคือ วางดาวน์ 395 เหรียญสหรัฐฯ และจ่ายเพิ่มอีก 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากนั้น โดยลดจากราคาเต็ม 1,890 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับใครที่คิดว่ากล้าที่จะเสี่ยงกับโปรเจ็กต์นี้ก็ลุยได้เลย เพราะว่าเงินดาวน์ไม่คืนเป็นตัวเงินหากยกเลิก และต้องรออีกร่วม 2 เดือนสำหรับนาฬิกาล็อตแรก…สรุปตอนนั้นกดจองไปแล้วแต่ไม่ผ่าน เพราะบัตรเต็ม ผมใช้เวลาเฝ้ารออีกร่วม 4 เดือนพร้อมภาวนาว่าจะอย่าเพิ่งจบโปรเจ็กต์ สุดท้ายก็มากดจองกันอีกครั้งในช่วงก่อนวันตรุษจีนของปี 2020 และโควตาในการผลิตเหลือเพียง 33 เรือนจาก 300 เรือน
ดูเหมือนจะเป็นเอามากนะครับ แต่บอกเลยว่าจริง…ถ้าลองได้หลงใหลอะไร
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น สิ่งที่ดูปวดใจและออกแนวหวั่นๆ นิดๆ สำหรับคนสั่งจอง คือ ข้อมูลบนออนไลน์ที่สุดสับสน เพราะในเว็บ Official บอกอีกอย่าง แต่เรือนต้นแบบที่ทาง Aquadive ส่งไปให้สื่อรีวิวกลับเป็นอีกแบบ โดยเฉพาะเรื่องของการกันน้ำที่ในตอนแรกบอกว่า 500 เมตร แต่สุดท้ายก็มาจบลงที่ 1,000 เมตร แถม HEV หรือ Helium Valve Escape ที่อยู่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาตรงขอบตัวเรือนติดกับสายด้านยาวที่ในตอนแรกเหมือนจะมีให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี เช่นเดียวกับกลไกที่คนสับสนว่าสุดท้ายจะเป็น ETA หรือ Sellita เรียกว่านอกจากจะเป็นการสั่งซื้อออนไลน์ด้วยจำเงินที่เยอะที่สุดในประวัติการสั่งออนไลน์ของผมแล้ว นี่ยังเป็นการซื้อโดยที่มีข้อมูลไม่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย
ตอนที่ผมสั่งนั้นเป็น Batch ที่ 2 แล้วและน่าจะเรียกว่าเป็นล็อตสุดท้ายของโปรเจ็กต์ เพราะเปิดจองตั้งแต่กันยายน 2019 ผมมาสั่งเอาตอนปลายมกราคม 2020 และในเว็บบอกว่าจะได้ของเดือนกุมภาพันธ์ แต่สุดท้ายอีเมลแจ้งมาว่าจะเริ่มส่งในวันที่ 15 เดือนมีนาคม แต่ท้ายของท้ายที่สุด ของมาถึงมือตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมแบงค์พันอีก 5 ใบปลิวเข้าคลังของรัฐเพราะการเสียภาษีนำเข้าพร้อม VAT
แต่เป็นการจ่ายที่ส่วนตัวผมว่า ‘คุ้ม’ สำหรับตัวผมเอง จริงอยู่ที่คุณอาจจะบอกว่าก็เสียท่าเสียเงินมาแล้ว แต่สารภาพเลยว่านี่คืออีกหนึ่งดีลที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผมคิดว่า ตัวเองตัดสินใจไม่ผิด เพราะกับค่าตัวในระดับที่ได้ Seiko Marinemaster 300 เมตร หรือ MM300 มือสองสักเรือน แถมทางเลือกของนาฬิกาในช่วงราคานี้มีมากมายทั้งของใหม่และมือสอง แต่อย่างที่บอกครับ ผมใช้ความชอบของตัวเองเป็นข้อแรกในการตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง ไม่ใช่เรื่องราคาขายต่อ
บ่นกันมานาน มาดูที่ Aquadive Poseidon GMT กันบ้าง สิ่งที่ได้มาค่อนข้างผิดหวังในแง่ของของแพ็คเกจนิดๆ เพราะจากที่ดูรีวิวใน Youtube ของเว็บขายนาฬิกาแห่งหนึ่งในเมืองนอก แพ็คเกจค่อนข้างอลังการ แต่สุดท้ายเมื่อมาถึงมือกลับเป็นกล่องธรรมดา ไม่ใช่ไม่ดี แต่แค่ผิดคาดไปจากที่ได้เห็นครั้งแรก โดยเมื่อเปิดข้างในจะพบกับบัตรรับประกันที่เป็นการ์ดแข็ง และกระดาษที่เป็น Certificate สำหรับรับรองการทดสอบความเที่ยงตรง 5 ตำแหน่งที่ Aquadive Bathysphere Poseidon GMT แต่ละเรือนจะต้องถูกจัดการก่อนส่งมาถึงมือเจ้าของแต่ละคน ไม่มีคู่มือ แต่ดันมี DVD มาให้ ?
เห็นแล้วก็แปลกใจว่า Aquadive คือ แบรนด์ของ ISOFRANE ผู้ผลิตสายยางชั้นเยี่ยม และอยู่ในออสเตรีย ไฉนถึงให้ Media ที่แทบจะตกยุคอย่าง DVD มาให้ เดือดร้อนผมต้องเสียอีกร่วมพันเพื่อไปซื้อ DVD-Rom มาอีก ซึ่งบอกอีกเลยว่า หาโคตรยากเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมาจะเจอกับเจ้า Aquadive Poseidon GMT นอนสงบอยู่บนหมอนรัด และที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดก็มลายหายไปทันที
ผมชอบและหลงรักดีไซน์ในสไตล์ H-Shaped แบบบวมๆ ของตัวเรือน พร้อมเม็ดมะยมยาวๆ ยื่นออกมา (ประมาณ 4 มิลลิเมตรเมื่อขันเกลียวลง และ 7 มิลลิเมตรเมื่อคลายเกลียว) ของ Aquadive Poseidon GMT มาก แม้ว่าจากสเป็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 43 มิลลิเมตร (ซึ่งก็ใกล้เคียงกับตัวเลขที่ระบุในเว็บ 42.9 มิลลิเมตร) ที่ดูแล้วน่าจะลงตัว แต่เมื่อเจอตัวจริงกลับรู้สึกเล็กกว่าที่คิด แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับข้อมือ 7 นิ้วของผม เพราะว่านาฬิกามากับ Lug to Lug ที่ค่อนข้างยาว ประมาณ 50 มิลลิเมตร กับขาสาย 22 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าสายเป็นแบบปลายสอบเข้าอย่าง 22/20 น่าจะดูลงตัวกว่าสายเดิมที่เป็นไซส์ 22/22 มิลลิเมตร เพราะน่าจะทำให้ภาพรวมของนาฬิกาดูเรือนใหญ่ขึ้นและมีรูปทรงที่ชัดเจน ไม่ใช่เป็นแท่งๆ
ผมค่อนข้างชอบใจ Aquadive Poseidon GMT อยู่ 2-3 จุดนอกเหนือจากรูปทรงตัวเรือน อย่างแรกคือ การขัดแต่งตัวเรือนและชุดเข็มที่ให้สัมผัสที่เงาและเฉียบคม โดยบนพื้นผิวหลักจะเป็นแบบขัดหยาบ แต่ด้านข้างตัวเรือนจะมีส่วนหนึ่งที่ขัดเงาเป็นแถบดูเข้ากันอย่างลงตัว ขณะที่การขัดแต่งบนเข็มชั่วโมง นาที และวินาทีที่เป็นแบบเงา เมื่อเล่นกับแสงแล้วทำให้ดูมีมิติและสวยงามมาก
อย่างที่ 2 คือ การเลือกสีที่ตัดกันอย่างลงตัว เหลือง-ดำเป็นอะไรที่แจ่มเสมอ และเมื่อสัญลักษณ์ของ Poseidon ที่เป็นคู่ Collaboration ในครั้งนี้มากับสีเหลือง-ดำ ทุกอย่างจึงเหมาะเจาะและลงตัว หน้าปัดดำ ขอบด้านในที่เป็นสเกลสีเหลืองรับกับเข็ม GMT สีเหลือง แถมในรุ่นนี้ยังมีการให้สายยางสีเหลืองติดมาอีกชุด เรียกว่าคุ้มสุดๆ เพราะค่าสาย ISOFRANE ที่ตั้งสั่งกันเส้นหนึ่งก็มีร่วมๆ 140 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 4,000 กว่าบาทแล้ว
และสุดท้ายคือ
การจัดวางเลย์เอาท์พุทบนหน้าปัด ผมไม่ชอบนาฬิกาที่จับอะไรต่อมิอะไรยัดใส่ลงไปบนหน้าปัด และสำหรับ Aquadive Poseidon GMT ต้องบอกว่าใส่มาเยอะแต่วางเลย์เอาได้อย่างลงตัว โดยสัญลักษณ์ของ Poseidon ที่อยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกาน่าจะทำให้น้ำหนักเทไปทางฝั่งนั้น แต่ทว่าพวกเขาก็เจาะช่องวันที่เอาไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาในการช่วยบาลานซ์ซ้าย-ขวา โลโก้แบรนด์ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา และรายละเอียดของตัวนาฬิกาในตำแหน่ง 6 นาฬิกามีขนาดพอเหมาะไม่เยอะจนเกินไป
เมื่อมาดูจากสเป็กของตัวเรือนแล้ว ตอนแรกผมคิดว่านาฬิกาเรือนนี้น่าจะมาจาก 100 Bathysphere GMT ที่มีขายอยู่แล้ว (และต้วต้นแบบที่ส่งไปรีวิวตามเว็บก็ใช้พื้นฐานจากนาฬิการุ่นนี้) แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวจำหน่ายจริงของ Poseidon GMT กลับมีอะไรแปลกและแตกต่างออกไป ชวนสงสัยหลายอย่าง เช่น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือนที่มีมากขึ้น 1 มิลลิเมตร (จากการวัดของผมเอง) Lug to Lug ที่มากกว่า 1 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับความหนาที่มากกว่า และที่สำคัญในรุ่น 100 Bathysphere GMT จะมี HEV ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา แต่ Poseidon GMT ไม่มี ซึ่งตามหลักการแล้วมันไม่ควรเป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่ควรเพิ่มต้นทุนให้กับการผลิต ดังนั้นอะไรที่แชร์ได้ก็ควรใช้ร่วมกันซะ
ตรงนี้ก็เลยทำให้งงและสับสนไปหมด เพราะเอาเข้าจริงๆ ถ้าไม่นับสัญลักษณ์ Poseidon ในตำแหน่ง 9 นาฬิกา และหลัก 12 นาฬิกาที่เป็นสามเหลี่ยมแบบหัวไม่ตัดแล้ว ทุกอย่างดูเหมือน 100 Bathysphere GMT ดำเหลืองอย่างกับแกะ
แต่เอาเถอะ…ในที่สุดนาฬิกาของจริงก็เดินทางมาถึงและเราสามารถวัดมิติตัวเรือนของจริง ซึ่งก็ได้ตัวเลขก็อย่างที่บอกข้างต้น ส่วนเรื่องสเป็กกลไกนั้นก็เป็น ETA 2893-2 ที่ทาง Aqudive มีการปรับแต่งความเที่ยงตรงถึง 5 ตำแหน่ง และแต่ละเรือนที่ผลิตก็จะมีแผ่นกระดาษคล้ายๆ กับใบ Certificate ในการบอกถึงระดับความเที่ยงตรงของกลไกที่อยู่ในนาฬิกาเรือนนั้นๆ
ในแง่การใช้งานของกลไก GMT นั้นก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเพราะเป็น Office GMT ที่คุณสามารถเลือกปรับเข็ม GMT ได้อย่างอิสระหลังจากคลายเกลียวเม็ดมะยมแล้วดึงออกมาในตำแหน่งแก๊กแรก เพื่อปรับตั้งเวลาที่ 2 ในการเป็น Local Time ส่วน Home Time ก็ดูจากชุดเข็มปกติ ส่วนการสำรองพลังงานก็อยู่ในระดับ 40 ชั่วโมง ถ้าใส่ทุกวันตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่สิ่งที่ผมค่อนข้างติดคือ เรื่องของสายยาง ISOFRANE นี่แหละ ถ้าพวกเขาเปลี่ยนตัวรัดสายจากเดิมที่เป็นยางให้เป็นโลหะ หรือถ้าจะยังเป็นยางก็ขอแบบชิ้นเดียวและขอยางอีกแบบที่มีความแข็งกว่านี้ น่าจะช่วยในเรื่องความสะดวกในการจับปลายสายยางให้ร้อยผ่านตัวรัดสายได้ เพราะกับสิ่งที่เป็น ผมค่อนข้างหงุดหงิดพอสมควรกับเรื่องนี้ เพราะใส่ยากมาก แถมความกว้างของตัวรัดสายก็ดัดทำพอดีกับความหนาของสายด้วย มันก็เลยยิ่งทำให้ยากขึ้น
สำหรับใครที่สนใจ เท่าที่เช็คในเว็บ ยังไม่ Sold Out และน่าจะยังมีเหลือให้จับจอง แต่เท่าที่ดูจากราคาแล้ว ดูเหมือนว่าจะขยับอีก 100 เหรียญสหรัฐฯ จากเดิมที่ผมจ่าย 1,395 มาเป็น 1,495 เหรียญสหรัฐฯ ถ้าชอบก็ลุยเลย แต่อย่าถามนะครับว่า ขายต่อง่ายไหมแล้วราคาจะเป็นอย่างไร ?
รายละเอียดทางเทคนิค :
-
เส้นผ่านศูนย์กลาง : 43 มิลลิเมตร
-
Lug to Lug : 50 มิลลิเมตร
-
ความหนา : 12.5 มิลลิเมตร และ 5 มิลลิเมตรเมื่อวัดรวมฝาหลัง
-
ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
-
วัสดุตัวเรือน : Stainless Steel
-
สาย : ISOFRANE สายยางสีดำและสีเหลือง
-
กระจก : Sapphire เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
-
วัสดุบนขอบตัวเรือน : Ceramic พร้อมเคลือบสารเรืองแสง
-
กลไก : ETA 2893-2 ขึ้นลานมือ Hacking เข็มวินาที และ GMT บอกเวลาที่ 2
-
ความถี่ในการเดิน : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
-
กำลังสำรอง : 40 ชั่วโมง
-
ระดับการกันน้ำ : 1,000 เมตร
-
จำนวนผลิต : 300 เรือน
-
ประทับใจ : รูปลักษณ์ การขัดแต่งตัวเรือน การผลิตเพื่อการใช้งานแบบสุดขั้ว
-
ไม่ประทับใจ : กำลังสำรอง ตัวรัดสาย และแพ็คเกจโดยรวมเมื่อเทียบกับราคา
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/