จาก Extreme Diver 300 ทาง Alpina เปิดตลาดนาฬิกาดำน้ำอย่างต่อเนื่องด้วยรุ่น Seastrong Diver 300ที่เปิดตัวในปี 2019 และอีก 3 ปีต่อมาเราได้สอยนาฬิกาเรือนนี้เข้ากรุ และพบว่านี่คืออีกทางเลือกของคนที่ชอบนาฬิกาดำน้ำ และไม่ได้สนใจอะไรมากมายเกี่ยวกับแบรนด์
Alpina Seastrong Diver 300 ดำน้ำทางเลือกสำหรับคนไม่สนแบรนด์
-
นาฬิกาดำน้ำที่พัฒนามาจากรุ่น Extreme Diver
-
กลไกรหัส AL-525 สำรองพลังงาน 38 ชั่วโมง
-
ตัวเรือน 44 มิลลิเมตร และกันน้ำ 300 เมตร
จุดเริ่มต้นในการทำความรู้กับแบรนด์ อัลพิน่า(Alpina) กับตัวผมเอง ถือว่าค่อนข้างแปลก มันเกิดจากความสงสัยในเรื่องการตลาดของพวกเขา ซึ่งผมมองว่ามันไม่ค่อยโอเคเอาเสียเลย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นผมดันจำแบรนด์นี้ได้ และนำไปสู่การค้นหาความรู้ จนได้ครอบครองนาฬิกาของพวกเขาในที่สุด โดยที่มี Alpina Seastrong Diver 300ถูกสอยเข้ามาเป็นเรือนล่าสุด
ย้อนกลับไป 5-6 ปีที่แล้ว ผมจำได้ดีเมื่อตอนที่ Alpina พยายามเจาะกลุ่มคนเล่นนาฬิกาในบ้านเราอย่างหนัก แล้วได้เป็นอย่างดี และภาพของ Williams Baldwin ที่กลายเป็นนายแบบบนแผ่นโฆษณาของ Alpina ให้กับรุ่น Extreme Diver 300 พร้อมกับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในปี 2012 (ซึ่งพวกเขาฉลองครบ 130 ปีของแบรนด์)
เรื่องนี้…มันทำให้ผมเกิดคำถามว่า ‘ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้อีกหรือไงฟระ ?’
ไม่ใช่เพราะผมไม่ชอบ Williams Baldwin แต่ประเด็นคือ พระเอกยุค 90 คนนี้หลุดจากภาพยนตร์ระดับ Blockbuster ไปนานแล้ว แต่ทำไมถึงกลับโดนดึงกลับมา เพราะในช่วงนั้นเขาก็ไม่ได้มีผลงานอะไรออกมาเพื่อเอื้อต่อการทำการตลาดเลย ผมว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
เอาง่ายๆ เรื่องสุดท้ายที่เขาแสดงนำคือเรื่องไหน ? ถ้าให้ผมตอบ เท่าที่จำได้คือ Fair Game (แต่ที่อยากดูเพราะ Cindy Crawford มากกว่า) แต่นั่นมันตั้งแต่ปี 1995 เลยนะ…เฮ้ย แต่มันได้ผลจริงๆ นะ ผมจำ Alpina ได้เพราะเรื่องนี้แหละ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มหาความรู้ของแบรนด์นี้เช่นเดียวกับนาฬิกาดำน้ำของพวกเขา จนในที่สุด ตอนนั้นผมดันมีนาฬิกา Alpina อยู่ในกรุถึง 3 เรือน แต่สุดท้ายก็เหลือเพียง 1 เรือน และในตอนนี้ก็มีเพิ่มมาอีกหนึ่งกับรุ่น Seastrong Diver 300…ก็ไม่รู้ว่ากลยุทธ์นี้ได้ผลกับผมคนเดียวหรือเปล่า
Seastrong Diver 300เป็นคอลเล็กชั่นที่เปิดตัวออกมาในปี 2016 และเป็นปีเดียวกับที่กิจการของพวกเขาถูกมัดรวมกับ Federique Constant ส่งไปให้กับ Citizen (Federique Constant ซื้อกิจการของ Alpina มาตั้งแต่ปี 2002) โดยนาฬิการุ่นนี้ เข้ามาแทนที่ Extreme Diver 300 ที่น่าจะถือว่าเป็นคอลเล็กชั่นยอดฮิตของพวกเขา และกวาดคะแนนนิยมจากคนเล่นนาฬิกาในบ้านเราไปได้เยอะ เพราะช่วงนั้นเท่าที่จำได้มีแต่คนบ่นเรื่อง How to ว่าเอาแพ็คเกจนาฬิกาเข้าบ้านยังไงดี ไม่ให้เมียจับได้ เพราะสิ่งที่ให้มาอลังการมาก เป็นถังออกซิเจนสำหรับดำน้ำไซส์ย่อมๆ เลยทีเดียว
แน่นอนว่านาฬิกา Alpina เรือนแรกของผมก็คือเจ้า Extreme Diver 300 นี่แหละ และต้องยอมรับว่าถ้าไม่นับเรื่องที่ต้องคอยตอบคำถามเพื่อนๆ ว่ามันคือแบรนด์อะไร และราคาขายต่อที่ร่วงกราวรูดแล้ว มันคือนาฬิกาที่ลงตัวมาก เนื้องานดี การขัดตัวเรือนสวยเช่นเดียวกับรูปทรงที่ค่อนข้างแปลกออกแนวเหลี่ยมๆ แต่หน้าปัดกลมคล้ายกับ Seiko Samurai ขนาด Lug to Lug ไม่ยาวมากทำให้ใส่สบาย กลไกขัดแต่งมาระดับหนี่งและเด่นกับโรเตอร์สีดำ
ความประทับใจตรงนี้ส่งผลโดยตรงต่อตัวแทนของมันด้วย เพราะจริงๆ ผมก็เล็งเจ้า Seastrong Diver 300เอาไว้นานละตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ โดยเฉพาะตัวขอบเขียวพรายน้ำวินเทจ แต่ช่วงนั้นทุนทรัพย์โดนแบรนด์อื่นแชร์ไปซะเกลี้ยง ก็เลยได้แต่งเล็งๆ เอาไว้ จนสุดท้ายก็มาเจอกันได้เมื่อทุกอย่างพร้อมเพียงแต่เป้าเปลี่ยนไปเป็นตัวขอบแดง AL-525LBBRG4V6 ซึ่งในเว็บของ Alpina เมืองนอกถอดออกไปละ…ถึงจะตกรุ่นไปหน่อย แต่ก็ยังสวยเสมอ
อย่างที่บอกสิ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างชอบใน Alpina Seastrong Diver 300มีอยู่ 3 จุดใหญ่ๆ คือ อย่างแรก รูปทรงของตัวเรือนที่ดูลงตัวและไม่เหมือนใครพร้อมกับขนาดที่รับกับข้อมือ 7 นิ้วของผมอย่างลงตัวกับ Diameter 44 มิลลิเมตร หนา 13 มิลลิเมตร และความกว้างขาสายไม่สร้างความเดือดร้อนในการหาสายทดแทน อยู่ที่ 22 มิลลิเมตร
ตัวเรือนผลิตจาก Stainless Steel 316L ที่มีการขัดเงาสลับด้านอย่างลงตัว พร้อมกับเม็ดมะยมขนาดใหญ่มีพันรอบด้วยยาง ทำให้การหมุนคลายเกลียวมีความกระชับและทำได้ง่าย แต่ติดอย่างเดียวที่กังวลคือ เมื่อผ่านไปนานๆ แล้วจะมีการคลายตัวของตัวยางเพราะกาวเสื่อมสภาพหรือเปล่า เพราะผมเคยเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีลักษณะนี้มาก่อน แต่เป็นแบรนด์อื่น
อย่างที่ 2 คือ ฝาหลังขันเกลียวแบบเปลือยทำให้มองเห็นกลไก AL-525 ซึ่งก็มีพื้นฐานมาจาก Sellita SW-200 แต่มีการตกแต่งตามแนวทาง Côtes de Genève พร้อมโรเตอร์สีดำที่ปรับแต่งเป็นทรงคล้ายกับเครื่องหมายลูกน้ำและมีการสลักคำว่า Alpina ลงไป ซึ่งนาฬิกาดำน้ำระดับ 300 เมตรที่มีขายอยู่ในตลาดในช่วงราคาตามป้ายไม่เกิน 50,000 บาท ผมว่ามีแค่ไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่จะมากับฝาหลังใส เสียอย่างเดียวสำรองพลังงานน้อยไปหน่อย แค่ 38 ชั่วโมง
อย่างที่ 3 คือ ชุดเข็ม โดยปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบเข็มนาทีและชั่วโมงแบบเจาะโปร่งสักเท่าไร แต่สำหรับ Alpina Seastrong Diver 300 กลับเป็นข้อยกเว้นและดูกี่ครั้งก็สะดุดตา ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมกับเข็มวินาทีทรงเพรียวปลายหางสีแดงพร้อมกับโลโก้สามเหลี่ยม ซึ่งชุดเข็มวินาทีสไตล์นี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของ Alpina ไปแล้วเพราะใช้กับนาฬิกาเกือบทุกรุ่นที่มีขายอยู่ในตลาด
เอาละชมกันมาเยอะละ มาฟังข้อที่ไม่ค่อยโอเคกันบ้าง (สำหรับตัวผม)
อย่างแรกคือ วัสดุบน Bezel Ring ที่ควรจะเป็นเซรามิกแล้ว เพราะใครๆ ก็รู้ว่าพวก Bezel Insert ที่ผลิตจากเซรามิกถือเป็นสิ่งที่โอเคและถูกใจบรรดาคนซื้อนาฬิกา ซึ่งคู่แข่งส่วนใหญ่ของพวกเขาก็ขยับขึ้นไปละไม่ว่าจะเป็น Oris Aquis หรือ Longines Hybroconquest แต่ใน Alpina Seastrong Diver 300ก็ยังใช้อะลูมิเนียมเหมือนกับ Extreme Diver 300 เพียงแต่ต่างกันตรงที่ในรุ่นพี่ขัดเงาเสียจนนึกว่าเป็นเซรามิก ส่วนของรุ่นน้องเป็นแบบขัดด้านๆ
โอเคมันอาจจะแลกกลับมาด้วยการแต้มสารเรืองแสงเอาไว้ในทุกหลักที่ปรากฏอยู่บนตัว Insert เพื่อให้พิเศษขึ้น แต่ในแง่ของการสร้างความได้เปรียบในแง่ของการเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของลูกค้านั้น ผมว่าตรงนี้ทำให้ Seastrong Diver 300 อาจจะโดนตัดออกไปได้ในกรณีที่พิจารณาจากสเป็กบนเว็บแบบยังไม่เห็นตัวจริงๆ
ส่วนตัวผมไม่ถึงกับซีเรียสมากนะ ไม่ใช่เพราะแค่มีสารเรืองแสงที่แต้มลงไป แต่เป็นเพราะหลังจากที่ได้สัมผัส แล้วชอบในเรื่องของความลงตัวที่ปรากฏออกมาบนตัวนาฬิกา ซึ่งถ้ามองโลกในแง่ดีเอาไว้ก่อน ผมคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นเหตุผลที่พวกเขายังเลือกใช้ Insert แบบอะลูมิเนียม ซึ่ง Insert นั้นเป็นแบบอะลูมิเนียมสีแดงเลือดหมูแบบด้านๆ ซึ่งเมื่อประกอบลงบนตัวเรือนและหน้าปัดแบบดำด้านแล้ว ดูบางมุมอาจจะเฉยๆ แต่กับบางมุมที่เล่นกับแสง ผมว่ามันให้อารมณ์ที่โคตรสวยเลย สวยกว่าขอบมันๆ ของพวกเซรามิกเสียอีก
แต่มันก็ยังกังวลอีกนั่นแหละในเรื่องของหลักสำหรับใช้ในการจับเวลาบน Insert ที่เป็นแบบนูนขึ้นมา ทำให้ต้องใส่กันแบบระวังสุดๆ เพราะถ้ากระแทกเข้าไป โดยเฉพาะปะทะตรงๆ กับหลักที่นูนขึ้นมา สภาพคงดูไม่จืดทั้งตอนกลางวัน และตอนเรืองแสงในยามค่ำคืน
อีกทั้งการเลือกใช้หลักเป็นแบบแท่งๆ คล้ายกับหลักชั่วโมงบนหน้าปัด แทนที่จะเป็นแบบตัวเลขเหมือนกับสเกลของนาฬิกาดำน้ำทั่วไป เวลามันเรืองแสงขึ้นมาแล้ว ผมว่ามันดูลายตา และใช้งานค่อนข้างยากเหมือนกันนะ เพราะต้องมาเสียเวลาอีกนิดเพื่อดูว่าไอ้หลักตรงที่ต้องการใช้งานนั้นมันอยู่ที่ไหน ไม่สะดวกเหมือนกับพวกเป็นตัวเลขส่วนพรายน้ำยังไม่แจ่มเหมือนกับเทพในด้านนี้อย่างแบรนด์ Seiko
ข้อต่อมาอาจจะเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล เพราะสายยาง Tropical ที่ออกแนววินเทจและมีลวดลายดูคล้ายกับลายคาร์บอนไฟเบอร์นั้น ถือว่าดูดีเมื่อมองจากสายตา แต่เมื่อลองทาบแล้ว สิ่งที่ผมเจอคือ รูที่มีบนสายหาจุดที่สัมพันธ์กับขอมือผมค่อนข้างยาก คือ เรียกว่าถ้าไม่หลวม ก็จะแน่นมาก และสุดท้ายความนุ่มของตัวสายเมื่อต้องรับน้ำหนักของตัวเรือนนาฬิกาดูจะทำได้ไม่ดี ถ้าผมยังอยากใช้สายยางเดิม ก็ต้องทนอาการรัดแน่นๆ แบบอึดอัดไป เพื่อไม่ให้นาฬิกามันดิ้นหรือย้วยไปมา และบทสรุปของเรื่องนี้คือ ไปรื้อเกะเอาสายหนังขนาด 22 มิลลิเมตรมาแทนก่อนเป็นการชั่วคราว
และข้อสุดท้ายในกรณีที่คุณชอบการเปลี่ยนสาย ต้องระวังเรื่องความหนาของหัวสายสักหน่อย เพราะด้วยเหตุที่บอดี้ของ Seastrong Diver 300มาในแบบขาค่อนข้างสั้น ทำให้ระยะหว่างระหว่างรูยึดสปริงบาร์บนขาสายกับตัวเรือนมันห่างกันไม่มาก เรียกว่าถ้าหัวสายหนามากอาจจะยัดไม่ลง หรือถ้ายัดลงให้ได้ก็เรียกว่าต้องใช้กำลังบังคับกันเลยทีเดียว
สำหรับราคาป้ายจากตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราอยู่ที่ 45,500 บาท แต่ดูเหมือนว่าขอบ Bezel แดงที่ผมได้มานั้นจะไม่มีขายแล้ว เพราะในเว็บของ Alpina ต่างประเทศก็ถอดสีนี้ออกจากคอลเล็กชั่นแล้ว เพราะมีรุ่นใหม่ที่เป็นตัวปรับหน้าปัดเข้ามาทำตลาดควบคู่กันด้วย ส่วนรุ่นเก่าก็จะเหลือแค่พวกหน้าปัดดำ น้ำเงิน และดำวินเทจสายเขียว ใครที่อยากได้สีนี้อาจจะต้องควานหาของมือสองในบ้านเรา หรือไม่ก็ของที่อาจจะยังเหลืออยู่กับตัวแทนจำหน่ายของ Alpina ในต่างประเทศแทน
โดยสรุปแล้ว แม้จะมีข้อด้อยตามที่ยกมา แต่ส่วนตัวผมก็ยังชอบ Seastrong Diver 300 เพราะจุดที่ชอบมันมีอิทธิพลเหนือจุดด้อยที่มีอยู่ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้ว ข้อด้อยเหล่านี้ก็ไม่ถึงกับทำให้เคืองใจอย่างหนัก แถมผมยังได้มันมาในราคามือหนึ่งที่ค่อนข้างน่าประทับใจ (ต่อเงินในกระเป๋า) ระดับเดียวกับ Seiko กลไก 6R15 เลย ทุกอย่างก็เลยเหมือนแค่เสียงบ่น ซึ่งบางทีเราสามารถยิ้มใส่มันได้
ข้อมูลทางเทคนิค : Alpina Seastrong Diver 300
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44 มิลลิเมตร
- ความสูง : 13 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 49 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- ประเภทของสาย : สายยาง Tropical หัวสาย 22 มิลลิเมตร ปลายสาย 20 มิลลิเมตร
- กระจก : Sapphire พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสงทั้งด้านในและด้านนอก
- กลไก : AL-525
- ระบบ : อัตโนมัติ ขึ้นลานมือ และแฮ็คเข็มวินาที
- สำรองพลังงาน : 38 ชั่วโมง
- ประทับใจ : รูปทรง การขัดแต่งที่ประณีต การออกแบบ
- ไม่ประทับใจ : Bezel Ring ที่ยังเป็นอะลูมิเนียม จำนวนกำลังสำรอง พรายน้ำ
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline