Alpina ขยับตลาดให้กับนาฬิกาดำน้ำของตัวเองอีกครั้ง เพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับรุ่น Seastrong Diver300m ด้วยหน้าปัดลายใหม่และเพิ่มสีตัวเรือนใหม่
Alpina Seastrong Diver เปลี่ยนหน้าปัดเพิ่มสีใหม่
-
Alpina เพิ่มทางเลือกให้กับ Seastrong Diver พร้อมสายหนัง
-
หน้าปัดเปลี่ยนใหม่มีทั้งสีเทา สีดำ และสีเนวี่บลู
-
ขับเคลื่อนด้วยกลไก AL-525 และราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,395 เหรียญสหรัฐฯ
คอลเล็กชั่นที่ถือว่าเป็นตัวหลักของแบรนด์ Alpina อย่าง Seastrong Diverมีการปรับไลน์อัพครั้งใหม่ ด้วยการเปลี่ยนหน้าปัด และเพิ่มสีสันบนตัวเรือนด้วยการ PVD Coating ทั้งสีดำและตัวเรือนทองแบบบรอนซ์ ขณะที่กลไกและสเป็กยังเหมือนเดิมกับความสามารถในการกันน้ำระดับ 300 เมตร
Seastrong Diverอยู่คู่กับแบรนด์ Alpinaมานานตั้งแต่สมัยทศวรรษที่ 1960 และเป็นนาฬิกาดำน้ำที่ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ ทั่วโลกถึงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์กับตัวเรือนทรงเหลี่ยมที่โดดเด่น ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ไม่ได้มีอะไรแตกต่างในแง่ของตัวเรือนที่ยังคงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร และความหนา 13.06 มิลลิเมตร พร้อมฝาหลังแบบใสที่ทำให้สามารถมองเห็นกลไก AL-525 ได้
ส่วนประเด็นหลักของความเปลี่ยนแปลงคือ หน้าปัดที่มีการเปลี่ยนลวดลายใหม่ โดยมีการเพิ่มหลักย่อยระหว่างหลักชั่วโมงและตรงกลางหน้าปัดมีเส้นขีดเป็นกากบาท พร้อมหน้าต่าง Date ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา ซึ่งหน้าปัดชุดนี้ยกดีไซน์มาจากรุ่น GMT ของ Seastrong Diverที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ส่วนสีของหน้าปัดใหม่ที่มีการทำตลาดนั้นจะมีทั้งสีเทา สีดำ และสีเนวี่บลู
ตัวเรือนยังใช้ Stainless Steel เป็นวัสดุหลักในการผลิตเหมือนเดิม แต่มีการเพิ่มสีสันใหม่ในแบบ PVD ทั้งตัวเรือนรมดำ และแบบบรอนซ์ จนตอนแรกคิดว่าทาง Alpina จะนำวัสดุอย่างบรอนซ์มาใช้ในการผลิตซะอีก ขณะที่ในรุ่นใหม่จะเน้นไปที่สายหนังที่เย็บในแนววินเทจและมีความกว้างหัวสาย 22 มิลลิเมตรเหมือนเดิม
ยังมั่นใจได้กับกลไก AL-525 แบบอัตโนมัติ สามารถขึ้นลานมือและ hack เข็มวินาทีได้ โดยกลไกรุ่นนี้มีทับทิมจำนวน 26 เม็ด และเดินด้วยความถี่ระดับ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง โดยสามารถสำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง พร้อมกับมีการขัดแต่งโดยเปลี่ยนโรเตอร์เป็นสีดำ ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้จากฝาหลังใส
ในตอนนี้มีจำหน่ายแล้วที่ตลาดต่างประเทศ โดยตั้งราคาเอาไว้ที่ 1,395 เหรียญสหรัฐฯ แฟนๆ ของนาฬิกาแบรนด์นี้ไม่น่าพลาด
นาฬิกาดำน้ำที่ได้รับการยอมรับจากแฟนๆ ทั่วโลกถึงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์กับตัวเรือนทรงเหลี่ยมที่โดดเด่น
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/